แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,188 1,180 1,171
แนวต้าน 1,208 1,214 1,225
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.59 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังการเปิดเผยยอดขาดดุลการค้าเดือนส.ค.ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดเพียง 134,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดในรอบ 1 ปี ด้านตัวเลขรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.3% ตามคาดซึ่งไม่ได้บ่งชี้ถึงการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ ส่งผลให้ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ยังไม่มีความจำเป็นต้องเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สถานการณ์ดังกล่าวกดดันดอลลาร์และหนุนราคาทองคำ อย่างไรก็ดีอัตราการว่างงานกลับลดลงเกินคาดสู่ระดับ 3.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี นอกจากนี้ถึงแม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะต่ำเกินคาด แต่ก็ไม่ได้ต่ำมากพอที่จะกระตุ้นแรงซื้อใหม่ๆในตลาดทองคำ ส่งผลให้การปรับตัวขึ้นของราคายังคงเป็นไปอย่างจำกัดเช่นกัน ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลงในวันศุกร์ -1.47 ตัน สำหรับวันนี้ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ภาคธนาคารของสหรัฐจะปิดทำการในวันนี้เนื่องในวัน Columbus Day อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและตลาดทองคำยังคงเปิดซื้อขาย แต่ปริมาณการซื้อขายในช่วงการซื้อขายในฝั่งสหรัฐอาจเบาบางกว่าปกติ
ปัจจัยทางเทคนิค
ราคาทองคำเกิดแรงขายให้อ่อนตัวลงหลังจากที่ดีดตัวขึ้นมาใกล้ 1,204-1,208 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ ทั้งนี้ หากการอ่อนตัวลงของราคาทองคำยังสามารถรักษาระดับเหนือบริเวณแนวรับ 1,188 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจจะเห็นการดีดตัวกลับขึ้นไปบริเวณแนวต้าน อย่างไรก็ตามหากราคาหลุดแนวรับแรกจะทำให้ราคายังคงอ่อนตัวลงต่อโดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
แนะนำให้ลงทุนระยะสั้น โดยขายทองคำออกมาเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปบริเวณ 1,204-1,208 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอจังหวะเข้าซื้อคืนเมื่อราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ 1,188 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดโซนดังกล่าวอาจถอยจุดเข้าซื้อไปยังโซนแนวรับถัดไปที่ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น