บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำวัน โดย‘บมจ.ไทยออยล์’ประจำวันศุกร์ที่ 26 ต.ค.61
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาสูงขึ้น และมีสัญญาณการปรับลดสต็อกน้ำมันดิบในตลาด
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่วันก่อนหน้าได้ปรับตัวลดลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 2554 ที่ผ่านมา โดยดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ปรับตัวสูงขึ้น 1.6% และ 1.8% ตามลำดับ เนื่องจากบริษัท เช่น ไมโครซอฟท์ ฟอร์ด มอเตอร์ และทวิตเตอร์ประกาศรายได้ในไตรมาส 3/61 ออกมาอยู่ในระดับสูง ซึ่งสามารถบรรเทาความกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง
+ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบีย ได้ออกมาส่งสัญญาณว่าอาจมีการแทรกแซงตลาดเพื่อให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่ปรับขึ้นมาอยู่ในระดับสูงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามีปริมาณลดน้อยลง ทั้งนี้ เพื่อให้ตลาดน้ำมันดิบกลับมาสู่ระดับเสถียรภาพอีกครั้ง โดยซาอุฯ หวังว่ากลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกจะตกลงในเดือน ธ.ค. 61 นี้สำหรับความร่วมมือในการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไป อย่างไรก็ตาม ซาอุฯ มองว่าในไตรมาส 4/61 นี้ ปริมาณน้ำมันดิบอาจล้นตลาดได้ เนื่องจากมีปริมาณน้ำมันดิบคงคลังปรับตัวสูงขึ้นมาก
- ตลาดทางการเงินยังคงมีความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ รวมถึงสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ค่าเงินของประเทศเกิดใหม่ที่อ่อนค่าลง และเศรษฐกิจของอิตาลี ซึ่งอาจส่งผลประทบต่อปริมาณการใช้น้ำมันของโลก
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันเบนซินที่ยังคงซบเซา ขณะที่อุปทานภายในภูมิภาคอยู่ในระดับสูง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากมีอุปสงค์เพิ่มเติมโดยเฉพาะจากประเทศจีน รวมถึงปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลจากจีนปรับตัวลดลง 13.1% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือน
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
O ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 64-69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
O ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 74-79 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
-รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานซาอุดิอาระเบียประกาศว่า ซาอุดิอาระเบียจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 11 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากกำลังการผลิตเดิมที่ระดับ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อชดเชยอุปทานที่หายไปจากประเทศอิหร่านและเวเนซูเอลล่า และพร้อมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1-2 ล้านบาร์เรล หากอุปทานไม่เพียงพอต่ออุปสงค์ของโลก
-การเติบโตของความต้องการน้ำมันดิบโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังได้รับแรงกดดันจากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงปัญหาทางเศรษฐกิจในแถบยูโรโซนและตลาดเกิดใหม่
-ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากประเทศอิหร่านคาดจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังประเทศต่างๆ ปรับลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านก่อนวันกำหนดการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ในวันที่ 4 พ.ย. 61
ข่าวเด่น