บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำวัน โดย "บมจ.ไทยออยล์" ประจำวันพฤหัสบดีที่ 15พ.ย.61
+ ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกภายหลังปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 12 วัน โดยได้รับแรงหนุนจากการหารือกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของประเทศซาอุดิอาระเบีย ประเทศรัสเซีย และอีกหลายชาติในการประชุมที่กรุงอาบูดาบี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมจัดทำแผนการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบราว 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ในปี 2562
+ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบ (โอเปก) มีทีท่าว่าจะสนับสนุนให้มีการปรับลดการผลิตน้ำมันดิบ โดยจะมีการประชุมใหญ่ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 6 ธ.ค. 2561 เพื่อกำหนดแผนนโยบายการผลิตน้ำมันดิบในปีหน้า
- อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบในชั้นหินดินดาน (Shale oil) ของสหรัฐฯ จะแตะระดับสูงสุดที่ 7.94 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ธ.ค. 2561
- ภายหลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 9 พ.ย. 2561 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.8 ล้านบาร์เรล ไปอยู่ที่ระดับ 440.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์เพิ่มเติมจากประเทศจอร์แดน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเบนซินยังคงได้รับแรงกดดันจากอุปทานในภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศจีนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดน้ำมันดีเซลยังคงซบเซา นอกจากนี้ อุปสงค์น้ำมันดีเซลในประเทศออสเตรเลียปรับตัวลดลงเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการควบคุมปริมาณสต็อกน้ำมันในช่วงปลายปี
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
-ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่อาจล้นตลาด หลังสหรัฐฯ ประกาศผ่อนผันให้ 8 ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน ประกอบด้วย จีน อินเดีย กรีซ อิตาลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น ตุรกี และเกาหลีใต้ สามารถนำเข้าน้ำมันดิบอิหร่านได้ในช่วง 180 วันแรกหลังการคว่ำบาตร
-จับตาการเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้หรือไม่ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประธานาธิบดีจีน เตรียมหารือร่วมกันนอกรอบในการประชุดสุดยอดผู้นำโลก G20 ที่ประเทศอาร์เจนตินา ในปลายเดือน พ.ย. นี้
ข่าวเด่น