นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี(ประเทศไทย)หรือ KTBST ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยและการลงทุนในสัปดาห์นี้ (7-11 ม.ค.) ว่าสัปดาห์นี้มีแนวโน้มดี มีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,550-1,590 จุด ซึ่งประเด็นที่ตลาดหุ้นทั่วโลกให้ความสนใจคือการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีนในวันที่ 7-8 ม.ค.ในเบื้องต้นทางจีนได้มีการเสนอลดภาษีสินค้านำเข้าและเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ขณะที่สหรัฐฯเรียกร้องให้จีนลดการเกินดุลการค้าที่มีต่อสหรัฐฯด้วยวิธีต่างๆ รวมถึงประเด็นในเรื่องสินค้าด้านเทคโนโลยีซึ่งหากผลประชุมออกมาดีจะมีผลบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลกและอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของตลาดด้วย
ขณะที่ปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวกลับขึ้นมา ล่าสุดราคาน้ำมันดิบ Brentขึ้นมาแตะระดับ 57เหรียญฯ/บาร์เรล จากระดับต่ำสุดของปีก่อนที่ 49 เหรียญฯ/บาร์เรล หากประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีนคลี่คลายลงจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มน้ำมัน,ปิโตรเคมี และจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มน้ำมันเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นนำตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้
ส่วนปัจจัยในประเทศที่สำคัญคือ เรื่องกำหนดวันเลือกตั้งที่มีการเลื่อนออกไปทางKTBSTมองว่าไม่ได้เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นมากนัก หากกำหนดวันเลือกตั้งเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 10 มี.ค.หรือ 24 มี.ค.และน่าจะทำให้นักลงทุนที่เคยกังวลว่าการเลือกตั้งจะเลื่อนไปไกลนั้นกลับเข้ามาซื้อหุ้น อย่างไรก็ตามประเด็นในเรื่องการเลือกตั้ง KTBST ยังคงให้ความสนใจว่าใครจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งมากกว่าเพราะจะมีผลต่อทิศทางการเมือง,เศรษฐกิจและตลาดหุ้นโดยตรง
สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้KTBSTประเมินว่าจากการทดสอบตลาดด้วยข่าวเชิงลบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นได้แสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่ง ดัชนีสามารถยืนระดับเหนือ1,550 จุดได้ดังนั้นสัปดาห์นี้บรรยากาศน่าจะเริ่มดีขึ้นหลังความกังวลในเรื่องวันเลือกตั้งนั้นมีความชัดเจนและหากการเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีนผลออกมาดี ก็คาดว่านักลงทุนพร้อมที่กลับเข้ามาซื้อหุ้น
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ยังให้ความสนใจหุ้นที่มีกำไรที่มั่นคงแข็งแรง และหุ้นที่เคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งหุ้นที่น่าสนใจสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย PTTGC, TOP, CPALL, BDMS, AMATA, GUNKUL, STEC
ข่าวเด่น