ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ทิสโก้ วิเคราะห์หุ้นรายตัว แนะ "ซื้อ" MTC มูลค่าเหมาะสม 55 บาท - SCC มูลค่าเหมาะสม 548 บาท - TMB มูลค่าเหมาะสม 2.50 บาท


 • MTC : การเติบโตปกติยังดี แนะนำ “ซื้อ”


ราคาหุ้น MTC (เมืองไทย แคปปิตอล) ลดลง 22% จากจุดสูงสุด แนะนำให้ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสม 55 บาท
 
ราคาหุ้นลดลงจากจุดสูงสุดที่ 55 บาท จากแนวโน้มสินเชื่อที่อ่อนแอลงทำให้เกิดการขายทำกำไร แม้ว่าการเติบโตของสินเชื่อจะจำกัดใน 1H19 แต่เราเชื่อว่าจะฟื้นตัวใน 2H19 จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวหลังการเลือกตั้ง และในกรณีที่แย่ที่สุดเราคาดว่าผลประกอบการจะยังเติบโต 21.8%

คาดผลประกอบการโต 27% YoY เป็น 4.7 พันล้านบาท และกรณีแย่สุดโต 22% เป็น 4.5 พันล้านบาท
 
การเติบโตของเรามีสมมติฐานคือ 1) สินเชื่อเพิ่มขึ้น 30% YoY เป็น 6.24 หมื่นล้านบาท 2) ผลตอบแทนที่ลดลง 40 bps YoY เป็น 22.41% และ 3) Credit Cost คงที่ 120 bps โดยการเติบโตของสินเชื่อเราต่ำกว่าผู้บริหารคาดที่ 35% โดยกรณีที่แย่สุดโต 28% YoY ลดลง 70 bps YoY แต่ยังมี Credit Cost ที่ 120 bps

คาดผลประกอบการ 2H19 เติบโตสูงจากอุปสงค์ใหม่ๆ
 
เราคาดผลประกอบการ 2H19 จะเติบโตขึ้นจาก 1H19 โดย MTC จะเริ่มทำสินเชื่อเช่าซื้อจักรยานยนต์ใน 2H และ ณ สิ้นปี 2018 บริษัทมีสินเชื่อ 4.8 หมื่นล้านบาท มากกว่า SAWAD 55% โดยที่มีผลตอบแทน 24.2% เทียบกับ SAWAD ที่ 28.6% ซึ่งทั้ง 2 บริษัทมีผลตอบแทนที่ลดลงใน 2 ไตรมาสที่ผ่านมา จากการแข่งขัน และกฎเกณฑ์ใหม่ๆ โดย MTC ยังคงรักษาดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าข้อกำหนด 5-7% เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดและความสามารถในการแข่งขันด้านราคา แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากการชำระสินเชื่อล่วงหน้าก็ตาม

เป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อ ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 55 บาท (GGM) แม้ว่า MTC จะไม่ได้เข้าร่วมคำนวณ MSCI รอบล่าสุด แต่มีความเสี่ยงเชิงบวกในอนาคตคือ การปรับเรทติ้งของ TRIS ขึ้นจาก BBB และผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นใน 2H19 ?


• SCC : แนวโน้ม 1Q19 อัตรากำไรอ่อนแอชดเชยด้วยกำไรจากสต็อคและราคาปูน

คาดผลประกอบการ SCC (ปูนซิเมนต์ไทย)  หนุนด้วยกำไรจากสต็อคและวัสดุก่อสร้าง
 
อัตรากำไรของปิโตรเคมีอ่อนแอลง QTD และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะถูกชดเชยจาก 1) กำไรจากสต็อค 550 ล้านบาท ที่เดิมขาดทุนใน 4Q18 2) ผลประกอบการที่หนุนด้วยกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากธุรกิจปูนและวัสดุก่อสร้าง โดยรวมแล้วทำให้เราคาดว่าผลประกอบการของ SCC ใน 1Q19 จะอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ลดลง 4% QoQ และ -19% YoY ด้านกำไรขั้นต้นลดลง 20% QoQ และ 22% YoY

ธุรกิจเคมีที่อ่อนแอกดดันการดำเนินงาน
 
เราคาดว่าอัตรากำไรเฉลี่ยของธุรกิจปิโตรเคมีของ SCC จะลดลง 8% QoQ โดย HDPE-naphtha และ PP-naphtha ลดลง 10% และ 6% ตามลำดับ โดยธุรกิจเคมีฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยหลังตรุษจีนจากที่เราคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งเราเชื่อว่านักลงทุนรอดูการลด VAT ของจีนหลังวันที่ 1 เม.ย. แต่อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรที่ลดลงจะถูกชดเชยจากกำไรจากสต็อคที่ขาดทุนใน 4Q18 ราว 550 ล้านบาท เทียบกับ 1Q18 เราคาดอัตรากำไรเฉลี่ยจะลดลง 19% QTD เมื่อรวมทุกปัจจัยแล้ว EBITDA (รวมกำไรจากเงินลงทุน) จะอยู่ที่ 9.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% QoQ แต่ลดลง 29% YoY

ปูนและวัสดุก่อสร้างแข็งแกร่ง
 
ด้วยแนวโน้มของธุรกิจปูนและวัสดุก่อสร้างที่ดีขึ้นใน 1Q19 ต่อเนื่องจาก 4Q18 ทำให้เราคาดว่าราคาขายจะยังทรงตัวได้ และมีอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 1Q18 หนุนโดยการเลือกตั้งและฐานที่ต่ำ โดยเราคาด EBITDA ของกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ 6.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% QoQ และ 3% YoY

คาดการดำเนินงานดีขึ้นใน 2H
 
เราคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นต่อใน 2H19 จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และโอกาสการเติบโตที่สูงใน 2H19 จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นไปจนถึงสิ้นปี และด้วยเราเชื่อว่าแนวโน้มของตลาดจะทำจุดต่ำสุดในครึ่งปีแรก และฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง

เราปรับประมาณการและมูลค่าที่เหมาะสมลง ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
 
เราปรับมูลค่าที่เหมาะสมเป็น 548 บาท จากเดิม 550 บาท จากประมาณการที่ลดลง 8.1% - 9.2% ในปี 2019-21F จากอัตรากำไรของธุรกิจเคมีที่แย่ลง และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น อ้างอิง SOTP โดยมีความเสี่ยงคือ การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจเคมีที่อ่อนแอลง ?

 
•TMB : ผลกระทบจาก SCB Life และ FWD

FWD กลายเป็นหุ้นส่วนของ SCB
 
SCB ได้ทำ MOU เป็นหุ้นส่วนกับ FWD ประกันชีวิต ซึ่งเราเชื่อว่าเกิดจากการควบรวมกันของ TMB (ธนาคารทหารไทย) กับ TCAP (ทุนธนชาต) เนื่องจากทาง TMB มี FWD และ TCAP มี Prudential ทำให้ต้องมีการยกเลิกหุ้นส่วนไป 1 บริษัท

คาด TMB ได้รับผลกระทบ
 
FWD ได้เป็นหุ้นส่วนกับ TMB ในปี 2017 เพื่อการขายผลิตภัณฑ์ผ่านธนาคารของ TMB โดยมีการจ่ายเงินให้ TMB 1.95 หมื่นล้านบาท เพื่อสิทธิ์ในการขายประกันเพียงเจ้าเดียวเป็นระยะเวลา 15 ปี โดย TMB ได้มีการรับเงินก้อนมาแล้ว แต่ทยอยรับรู้เป็นระยะเวลา 15 ปี และหากการเจรจากับ SCB สำเร็จจะทำให้ TMB ต้องจ่ายเงินชดเชยให้ FWD ตามสัดส่วนเวลาที่เหลือ และกระทบผลประกอบการ

ผลกระทบราว 8%
 
แม้จะยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน แต่เราคาดว่าผลประกอบการของ TMB จะถูกกระทบอย่างมีนัยสำคัญ จากทั้งรายได้ที่หายไปไตรมาสละ 300 ล้านบาท และการจ่ายเงินที่ FWD ชำระล่วงหน้าคืนพร้อมดอกเบี้ย

1) เราเชื่อว่า FWD จะรอดูการเจรจาของ TMB และ TCAP ให้เรียบร้อยก่อนเผื่อในกรณีที่การควบรวมล้มเหลว และเราคาดว่า TMB จะต้องชำระเงินคืน 1.59 หมื่นล้านบาท
 
2) ผลประกอบการของ TMB และ TCAP เป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินมูลค่าที่เหมาะสม
 
3) TMB จะเสียรายได้ปีละ 1.2 พันล้านบาท จากค่าธรรมเนียมของ FWD และมากกว่านั้น หากไม่มีพันธมิตรใหม่
 
4) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.54% ของ interbank เป็นอัตราที่เหมาะสมสำหรับ TMB จะจ่ายเงินชดเชยให้ FWD

และด้วยสมมติฐานข้างต้น ทำให้เราคาดว่าผลประกอบการของ TMB จะกระทบราว 8% จากกรณีฐาน เราแนะนำให้ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 2.50 บาท (GGM)

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 28 มี.ค. 2562 เวลา : 11:47:49

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:28 am