บล.กสิกไทยคาดการณ์ว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,620-1,640 จุด รอประเมินการทำข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีนเฟสแรก ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของฮ่องกง และการประชุมเฟด (29-30 ต.ค.)
คาดกลุ่มรับเหมาฯจะปรับตัวขึ้นโดดเด่นกว่าตลาดจาก sentiment เชิงบวกหลังสภาผ่านร่าง พรบ.งบประมาณ 2563 วาระแรก และคาดกลุ่มซีพีจะเซ็นต์สัญญาไฮสปีดวันที่ 24 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล (STEC, CK, SEAFCO)
หุ้นแนะนำ CK (ปิด 23.10 บ. /พื้นฐาน 34.50 บ.) เก็งกำไรจาก sentiment เชิงบวกหลังสภาผ่านร่าง พรบ.งบประมาณ 2563 วาระแรก และคาดกลุ่มซีพีจะเซ็นต์สัญญาไฮสปีดวันที่ 24 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล หนุน backlog เพิ่ม 5-6 หมื่นลบ. (จากปัจจุบันที่ 3.8 หมื่นลบ.) CPALL (ปิด 82.75 บ. ซื้อ/พื้นฐาน 94 บ.) คาดว่ารัฐบาลอาจมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่บัตรสวัสดิการเพิ่มเติม และทำโครงการชิมช้อปใช้เฟส 2 เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ซึ่งดีต่อ CPALL คาดกำไร 3Q19 ยังเติบโตดี ราคาหุ้นปัจจุบันไม่แพง ซื้อขายบน P/E ปี 2020 ที่ 27x ซึ่งเท่ากับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี
กลุ่มธนาคารส่วนใหญ่รายงานกำไร 3Q19 ออกมาดีกว่าคาดจากกำไรการขายเงินลงทุน แต่มองว่ายังมี downsides จาก Loan growth ที่อาจต่ำกว่าคาดปีนี้ (คาด +4%) และการลดอัตราดอกเบี้ยของ ธปท.
สภาวิชาชีพบัญชีคาดว่าจะผ่อนผันการบังคับใช้ TAS32 (การบังคับให้นับ Perpetual Bond เป็นหนี้) ไปอีก 3 ปี เป็นบวกกับ CPALL, MINT, IVL, ANAN, PF และ TTCL ที่มีการออก Perpetual Bond ไปก่อนหน้านี้
มองการลดค่าธรรมเนียมโอนจาก 2% เป็น 0.01% 6 เดือน จะช่วยผู้ประกอบการได้ไม่มาก เพราะยังติดเรื่องการกู้จากเกณฑ์ LTV ที่เข้มงวดของ ธปท.
ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้ ทร.รับพิจารณาข้อเสนอพัฒนาอู่ตะเภาของซีพี ทำให้การประกาศผลผู้ชนะเลื่อนไปเป็นปลายเดือน ต.ค. มองว่าข่าวนี้มีผลกระทบต่อกลุ่มบีบีเอส (BTS, BA, STEC) จำกัด เพราะยังไม่ได้ priced in
ข่าวเด่น