สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดตลาดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 พ.ค.) ที่ระดับ 23,664.64 จุด ลดลง 218.45 จุด หรือ -0.91% ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับ 2,848.42 จุด ลดลง 20.02 จุด หรือ -0.70% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับ 8,854.39 จุด เพิ่มขึ้น 45.27 จุด หรือ +0.51%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วัน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯแสดงความกังวลในสถานการณ์ของตลาดแรงงานสหรัฐฯ หลัง ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เผยว่าการจ้างงานของภาคเอกชนในสหรัฐฯ ได้ลดลงไปมากถึง 22 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัท และ อุตสาหกรรมต่างๆในสหรัฐฯต้องปิดกิจการชั่วคราวจากมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้หลายบริษัทต้องปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมาก
ขณะที่อีกหนึ่งปัจจัยนั้นเป็นผลมาจากการที่ราคาน้ำมันดิบ สัญญาเวสต์เทกซัส ได้ปรับลดลงเมื่อวานนี้เนื่องจากหลายฝ่ายแสดงความกังวลว่าน้ำมันดิบที่มีอยู่ในคลังเก็บน้ำมันอาจมีมากเกินไปเนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกลดลง ซึ่งจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงดังกล่าวได้ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงโดยหุ้นของเอ็กซอน โมบิลลดลง 1.85% และหุ้นเชฟรอน ลดลง 3.06%
ขณะที่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ยังคงแข็งแกร่งและปรับเพิ่มขึ้นในวันนี้ โดยหุ้นของอินเทลเพิ่มขึ้น 1.30% หุ้นของ Apple เพิ่มขึ้น 1.03% และหุ้นของไมโครซอฟฟ์ เพิ่มขึ้น 0.98%
ข่าวเด่น