ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
TISCO Market Insight : SET +8.04 จุด ตามทิศทางหุ้นโลก ขานรับคลายล็อกดาวน์


สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET +8.04 จุด ตามทิศทางหุ้นโลก ขานรับคลายล็อกดาวน์

SET แกว่งอิงแดนบวกในกรอบ 1256-70 ตามทิศทางตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้น ขานรับการส่งออกจีน เม.ย. ออกมาดีกว่าคาด, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัว และหลายปท.วางแผนทยอยคลายล็อกดาวน์เพิ่มเติม ต่างชาติขายสุทธิ 2.28 พันลบ. 5 วันติด แต่พลิก Long S50 Futures 8,848 สัญญา ยุติ Short 4 วันติด ?
ทิศทางตลาดวันนี้ : ไซด์เวย์อิงบวกเล็กน้อย การค้าสหรัฐฯ-จีนมีสัญญาณบวก
 
หุ้นโลกวันศุกร์ที่ผ่านมา (8 พ.ค.) ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% ทั้งหุ้นยุโรปและหุ้นสหรัฐฯ ขานรับข่าวผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และจีนได้เห็นพ้องร่วมกันที่จะส่งเสริมบรรยากาศให้เอื้อต่อการปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเฟสแรก ซึ่งช่วยบดบังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ที่แย่ลงอีก -20.5 ล้านตำแหน่งใน เม.ย. ส่งผลให้อัตราว่างงานพุ่งแตะระดับ 14.7% ซึ่งสูงกว่าช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อยู่ที่ระดับ 10.8% ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นราว 5% ปิดที่ 24.74 $/บาร์เรล หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯ ลดลง สะท้อนแนวโน้มการผลิตน้ำมันที่ลดลงในสหรัฐฯ  มอง SET มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ ให้น้ำหนักอิงทางแดนบวกเล็กน้อย จากข่าวเชิงบวกของการค้าสหรัฐฯ-จีน และหลายปท.ทั่วโลกทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติม ขณะที่ ศบค.เล็งผ่อนปรนระยะ 2 เตรียมเปิดห้างฯ 17 พ.ค. นี้ รอความชัดเจนในช่วงปลายสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ เชื่อว่านลท.จะรอติดตามหลายปัจจัยในสัปดาห์นี้ ตัวเลขศก.ที่สำคัญ อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ และจีน (12 พ.ค.), ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ (14 พ.ค.) ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตฯ สหรัฐฯ (15 พ.ค.), GDP Q1 อังกฤษ (13 พ.ค.) และเยอรมัน (15 พ.ค.) เป็นต้น, MSCI ประกาศทบทวนดัชนีรายไตรมาส (12 พ.ค.), มุมมองศก.ของปธ.FED (13 พ.ค.) และการประกาศงบในช่วงโค้งสุดท้าย แนวรับ 1260, 1256 แนวต้าน 1270, 1278-80 
 
กลยุทธ์การลงทุน : แนะอยู่ในโหมด Wait&See, รีบาวด์เป็นจังหวะขายลดพอร์ต
 
ตราบใดที่ SET ยังเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 1280-90 แนะอยู่ในโหมด Wait&See, หาก SET รีบาวด์มองเป็นจังหวะขายกระชับพอร์ต-ถือเงินสดเพิ่ม รอจังหวะซื้อคืนทำรอบใหม่ที่ SET บริเวณ 1230 หรือต่ำกว่า / ผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง เก็งกำไรอย่างระมัดระวัง!
 
•ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick TOP – ประกาศผลประกอบการ 1Q20 อ่อนแอตามที่เราประเมินไว้ โดยพลิกขาดทุนสุทธิ 1.37 หมื่นลบ. โดยเป็นผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันสูงถึง 1.4 หมื่นลบ.และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.7 พันลบ. อย่างไรก็ดี มองผลประกอบการ Q1 เป็นจุดต่ำ ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง จากการทยอยเปิดศก.และราคาน้ำมันที่เริ่มฟื้นตัว, ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PBV เพียง 0.7x, เป้าพื้นฐาน 50 บ. / หุ้นรับอานิสงส์รัฐบาลทยอยเปิดศก. ชอบ CPALL, BJC, HMPRO, CPN, BTS, BEM / หุ้นคาดงบจะออกมาดี – BCH, CPF, EA, MEGA, PRM, PYLON, RBF, SMPC, STA, TVO, VNT / หุ้นที่มีโอกาสเข้า MSCI รอบนี้ (ประกาศ 12 พ.ค.) – AWC, KTC, TOA ออก BANPU / อุตฯ ที่ได้รับผลกระทบน้อยจาก COVID-19 ทนทานสูงจากภาวะศก.หดตัวแรง ชอบ กลุ่มค้าปลีก - CPALL, BJC, HMPRO กลุ่มอาหาร – CPF, RBF กลุ่มสื่อสาร – DTAC, INTUCH, TRUE กลุ่มรพ. – BDMS อื่นๆ – BAM, RATCH / หุ้นปันผลดี - AP, BTSGIF, DIF, INTUCH, KKP, NYT, SABINA, SMPC, SPALI, TVO / หุ้นบลูชิพที่คาดเป็นเป้าลงทุน SSF พิเศษ เด่น AOT, BAM, BDMS, BTS, CPALL, KBANK, PTT, SCC, VGI / หุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ดำเนินธุรกิจมากขึ้นหลังพ้นวิกฤติ COVID-19 – AIT, COM7, ITEL, SAMART, SYNEX / หุ้นคุณค่า – AEONTS, BBL, BCP, SEAFCO, SCC, SCCC 
 
•หุ้นเด่น พ.ค. (Smart Tactics) BAM, BEM, CPALL, CPN, HMPRO, RBF, SMPC 
 

บันทึกโดย : วันที่ : 11 พ.ค. 2563 เวลา : 12:07:43

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:37 am