ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 38-43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 40-45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (8 – 12 มิ.ย. 63)
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบและพันธมิตร (กลุ่มโอเปกพลัส) มีข้อตกลงเบื้องต้นที่จะขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่สิ้นสุดในเดือน มิ.ย.63 ออกไปเป็นสิ้นสุดเดือน ก.ค.63 แต่อย่างไรก็ตามการประชุมอย่างเป็นทางการของกลุ่มโอเปกพลัสจะมีขึ้นในวันที่ 6 มิ.ย.63 นอกจากนั้นตลาดยังได้รับแรงกดดันจากเหตุการณ์ความรุนแรงในสหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบความต้องการใช้น้ำมันดิบโดยรวม
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
- ตลาดน้ำมันตอบรับ หลังซาอุดิอาระเบียและรัสเซียมีการหารือกันเบื้องต้นที่จะขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมในเดือน พ.ค. - มิ.ย. 63 เป็นสิ้นสุดในเดือน ก.ค. 63 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้กลุ่มโอเปกพลัสจะหาข้อสรุปร่วมกันในการประชุมวันที่ 6 มิ.ย. จากเดิมที่คาดว่าจะเป็นวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียได้เตือนถึงประเทศสมาชิกที่ไม่ได้ปฎิบัติตามข้อตกลงลดกำลังการผลิต หลังหลายประเทศยังคงผลิตน้ำมันมากกว่าข้อตกลง
- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน พ.ค.63 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 24.77 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งปรับลดลง 5.91 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน เม.ษ.63 โดยประเทศที่ปรับลดกำลังการผลิตมากสุด คือ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และคูเวต อย่างไรก็ตามยังมีประเทศที่ลดกำลังการผลิตน้อยกว่าข้อตกลงอาทิ ไนจีเรีย และอิรัก
- จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐฯ และแคนาดาลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้กำลังการผลิตน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลดลง โดย Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด 29 พ.ค. 63 ลดลง 17 แท่น ในขณะที่จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซของแคนาดาลดลง 20 แท่น
- ดัชนีภาคการบริการจีน (Caixin’s services PMI) ของเดือน พ.ค.63 อยู่ที่ระดับ 55.0 เพิ่มสูงขึ้นจาก 44.4 ในเดือน เม.ย. 63 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 63 โดยการปรับเพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดจากแรงกระตุ้นของการคลายมาตรการปิดเมืองในประเทศจีน ซึ่งเป็นการแสดงถึงแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันที่จะเพิ่มสูงขึ้น
- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลัง ณ สัปดาห์สิ้นสุด 3 มิ.ย. 63 ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังเพิ่มขึ้น 9.9 ล้านบาร์เรล เมื่อเทียบกับคาดการณ์ที่ระดับ 2.7 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ ปริมาณน้ำมันดีเซลและเบนซินคงคลังที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องมาจากการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ประกอบกับเหตุการณ์ความไม่สงบในสหรัฐฯ ที่กดดันความต้องการใช้น้ำมัน
- ตลาดยังคงกังวลกับความตึงเครียดครั้งใหม่ระหว่างจีนและสหรัฐฯ หลังรัฐบาลจีนพิจารณาใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ต่อฮ่องกง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระในการปกครองตนเองของฮ่องกง ล่าสุดจีนชะลอการซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯ เช่นถั่วเหลืองและหมู เพื่อเป็นการโต้ตอบสหรัฐฯ ที่จะเริ่มกระบวนการยกเลิกสถานะพิเศษของฮ่องกง
- เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จีดีพีกลุ่มโซโรโซนไตรมาส 1/63 ดัชนีผู้บริโภคจีนและสหรัฐฯเดือนพ.ค.63 การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ และรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1-5 มิ.ย. 63)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 4.06 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 39.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 6.97 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 42.30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 40.82 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกที่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง รวมถึงแนวโน้มที่จะมีการจัดประชุมโอเปกพลัสเพื่อขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิต แต่อย่างไรก็ตามความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด
ข่าวเด่น