สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -19.96 จุด ปัจจัยภายนอกกดดันตลาดภาคบ่ายดิ่งแรง
SET เปิดสูง-ปิดต่ำ แกว่งตัวในกรอบกว้าง 1356-82 โดยไหลลงแรงในภาคบ่าย วิตกไทยอาจถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีอยู่ใน Watchlist กรณีแทรกแซงค่าเงิน ประกอบกับวิตกสถานการณ์ตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน หลังสหรัฐฯ สั่งปิดสถานกงสุลจีนที่เมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ต่างชาติพลิกขายสุทธิ 2.1 พันลบ. และ Short S50 Futures 12,781 สัญญา 3 วัน
ทิศทางตลาดวันนี้ : ไซด์เวย์-ซึมลง จับตาสถานการณ์ตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน
หุ้นโลกเมื่อวาน (22 ก.ค.) ปิดสวนทางกัน โดยหุ้นยุโรปร่วงราว 1% วิตกความตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน หลังสหรัฐฯ สั่งปิดสถานกงสุลจีนที่เมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นต่อ 3 วันติด จากข้อตกลงวัคซีนระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับ Pfizer และ BioNTech โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ตกลงจ่ายเงิน 1.95 พันล้านดอลลาร์ฯ เพื่อผลิตวัคซีนจำนวน 100 ล้านวัคซีนหากประสบผลสำเร็จ รวมทั้งมีรายงานข่าวว่าพรรครีพับลิกันส่งสัญญาณจะขยายเวลาให้เงินเยียวยาผู้ตกงานจำนวน 400 ดอลลาร์ฯ/เดือนจนถึงสิ้นปีนี้ จากเดิมที่จ่าย 600 ดอลลาร์ฯ/สัปดาห์ มอง SET มีแนวโน้มไซด์เวย์-ซึมลง ถูกกดดันจากปัจจัยภายนอก ทั้งสถานการณ์ตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน และการแพร่ระบาด COVID-19 ในตปท.ที่ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด ผสานกับความกังวลไทยอาจถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีอยู่ใน Watchlist กรณีแทรกแซงค่าเงิน อย่างไรก็ดี ในกรณีหลังนี้ ถึงแม้ไทยเข้าเกณฑ์ของสหรัฐฯ ทั้ง 3 ข้อ แต่ยังขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสหรัฐฯ และเรามองมีสาเหตุที่สามารถอธิบายได้ วันนี้แนะนำติดตามตัวเลขการส่งออกไทยเบื้องต้นใน มิ.ย. ตลาดคาด -15.0% vs เดือนก่อนหน้า -22.5% และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ ครั้งแรก ตลาดคาดอยู่ที่ 1.3 ล้านคน ทรงตัวเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า แนวรับ 1350, 1340+/- แนวต้าน 1370, 1380
กลยุทธ์การลงทุน : รับความเสี่ยงได้สูง เลือกเก็งกำไรหุ้นรายตัว เน้นการตั้งรับ
Sentiment ตลาดพลิกเป็นลบอย่างกะทันหัน เรายังคงมุมมองการเก็งกำไรช่วงนี้เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงสูงได้เท่านั้น โดยมีกรอบล่างบริเวณ 1340 (หลุดบริเวณนี้จะเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ดี) และ 1325 (แนะใช้เป็นจุด Stop) ตามลำดับ และกรอบบนอยู่ที่แถว 1380-90 (ผ่าน 1390 ได้ในราคาปิด ค่อยเล็งเป้าถัดไป 1420, 1450 ตามลำดับ)
• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick CPF – มองเป็นหุ้นที่ต้านทานความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกได้ดี ทั้งสถานการณ์ความตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน และการแพร่ระบาด COVID-19 ในตปท., คาดแนวโน้มกำไร 2Q20F อยู่ที่ 6.02 พันลบ. +46% YoY และทรงตัวได้ QoQ แม้เป็นช่วงได้รับผลกระทบหนักสุดจากการล็อกดาวน์ก็ตาม อานิสงส์ราคาหมูในเวียดนามที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว และมาร์จิ้นที่คาดจะดีขึ้นจากต้นทุนอาหารสัตว์ปรับตัวลง, ปันผลน่าพอใจ 3-4% ต่อปี, เป้าพื้นฐาน 40 บ. / หุ้นคาดงบจะออกมาดี มีปันผลจ่ายระหว่างกาล – DCC, BCH, CPF, SCC, SMPC, TASCO, TU, TVO / หุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทกลับมาอ่อนค่า – DELTA, HANA, CPF, TFG, SMPC / หุ้นได้ประโยชน์การกระตุ้นท่องเที่ยวในปท. เด่น ERW, BJC, CPALL ฟื้นฟูศก. 4 แสนลบ.และเร่งรัดลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ชอบ SCC, SCCC, TASCO, CK, STEC, SEAFCO, PYLON / หุ้นน่าสะสมช่วงตลาดผันผวน มองกำไรฟื้นตัวครึ่งปีหลังถึงปีหน้า – CPALL, HMPRO, BBL, KKP, BAM, AEONTS, SCC, CK, SEAFCO, BEM และหุ้นปันผลดี - EASTW, EGCO, RATCH, INTUCH, DCC, SCCC, LH, QH, DIF, TFFIF / อุตฯ ที่ได้รับผลกระทบน้อยจาก COVID-19 ทนทานสูง ชอบ กลุ่มค้าปลีก - CPALL, BJC, HMPRO กลุ่มอาหาร – CPF, RBF กลุ่มสื่อสาร – DTAC, INTUCH, TRUE กลุ่มรพ. – BDMS อื่นๆ – BAM, RATCH
• หุ้นเด่น ก.ค. (Smart Tactics) BEM, CBG, DCC, PTG, SCC, TVO
• 6 หุ้นเด่นครึ่งปีหลัง BAM, CBG, CK, CPALL, SCC, TRUE
ข่าวเด่น