สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET +2.47 จุด แกว่งกรอบจำกัด บาทอ่อนค่ารอบ 3 สัปดาห์
SET แกว่งแดนบวกจำกัดในกรอบ 1296-1307 มูลค่าซื้อขายค่อนข้างน้อย 4.2 หมื่นลบ. โดยรีบาวด์เพียงเล็กน้อยหลังร่วงแรง 2 วันติด ถูกถ่วงด้วยแรงขายหุ้นโรงไฟฟ้า ขณะที่บาทอ่อนค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์ แตะระดับ 31.5 บ./$ กระตุ้นต่างชาติขายสุทธิต่ออีกเล็กน้อย 223 ลบ. แต่พลิก Long S50 Futures 5,173 สัญญา ยุติ Short 2 วันติด
ทิศทางตลาดวันนี้ : ไซด์เวย์ในกรอบ 1290-1310 รอปัจจัยชี้นำใหม่
หุ้นโลกวันศุกร์ (21 ส.ค.) ปิดผสมผสาน 3 วันติด โดยหุ้นยุโรปลดลงเล็กน้อย ผิดหวังข้อมูล PMI เบื้องต้นทั้งภาคผลิตและภาคบริการสหภาพยุโรปใน ส.ค. แย่กว่าคาด ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้น โดยดัชนี S&P500 และ NASDAQ เดินหน้าปิดระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ขานรับข้อมูล PMI เบื้องต้นภาคการผลิตสหรัฐฯ ดีกว่าคาด สูงสุดในรอบ 19 เดือน มาอยู่ที่ 53.6 จุด และยอดขายบ้านมือสองใน ก.ค. +24.7% MoM อยู่ที่ 5.86 ล้านยูนิต vs คาดที่ 5.40 ล้านยูนิต ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI -1.1% วิตกการฟื้นตัวทางศก.ถูกขัดขวางด้วยการล็อกดาวน์ระลอกใหม่ รวมทั้งจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นระดับ 2 หลัก จาก 172 แท่น มาเป็น 183 แท่น มอง SET มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์อยู่ในกรอบ 1290-1310 ขาดปัจจัยชี้นำใหม่ คาดว่านลท.จะรอติดตามการประชุมประจำปีของ FED ที่เมืองแจ็กสัน โฮลใน 27-28 ส.ค. เพื่อประเมินแนวโน้มศก.และทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต แต่ยังคงมีแรงซื้อ-แรงขายกระจัดกระจายไปตามปัจจัยของหุ้นแต่ละตัว โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลาง-เล็กยังเป็นที่สนใจของนลท. แนวรับ 1290-92, 1280 แนวต้าน 1310 อนึ่ง NEX, NEX-W2 ขยายเวลาติด Cash Balance ถึง 11 ก.ย. / BWG, JMART-W4, RBF, STGT, TRUBB ไม่ติด Cash Balance แล้ว กลับมาซื้อขายตามเกณฑ์ปกติวันนี้เป็นวันแรก
กลยุทธ์การลงทุน : ต่ำกว่า 1300 ไม่แนะนำเก็งกำไร แต่เป็นจังหวะลงทุนสะสม
SET ที่ต่ำกว่า 1300 เราไม่แนะนำเก็งกำไร, Sentiment ตลาดจะพอกลับมาเก็งกำไรได้ต้องยืนเหนือ 1310 ให้ได้ก่อนเป็นอย่างน้อย แต่สำหรับพอร์ตลงทุน มองเป็นจังหวะเริ่มทยอยสะสม แต่ไม่ต้องรีบร้อนในช่วง 1-2 เดือนนี้
• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick SYNEX – ผู้บริหารให้มุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตในครึ่งปีหลัง จากความต้องการสินค้า IT ที่เพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต และระบบการประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ขณะเดียวกันโครงสร้างรายได้บริษัทมีการกระจายตัวมากขึ้น โดยสัดส่วน Apple : Huawei คิดเป็นสัดส่วน 21% : 17% ใน 2Q20 จาก 9% : 35% ใน 1Q19 นอกจากนี้ เรามองปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้นคือการทยอยเปิดตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G, เราปรับประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าขึ้น 6-14% และคำแนะนำขึ้นจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”, เป้าพื้นฐานใหม่ 15.7 บ. / FTSE Rebalancing ใช้ราคาปิด 18 ก.ย. Large Cap : เข้า CRC, BBL-R, BGRIM ออก TOP / Mid Cap : เข้า TOP, CBG ออก BGRIM / Small Cap : เข้า MEGA, IMPACT, JMT ออก CBG / หุ้นที่เห็นสัญญาณตลาดปรับประมาณการกำไรขึ้น – SENA, TRUE, TU / หุ้นงบ Q2 เป็นจุดต่ำ แนวโน้มครึ่งปีหลังฟื้นตัวและปีหน้ากลับมาโตกว่าช่วงก่อน COVID-19 – BJC, ILINK, PLANB, WHA / หุ้นแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังยังดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก – CPF, PRM, RS, SMPC / หุ้นหาจังหวะสะสมเพื่อการลงทุน กลุ่มอุตฯ ที่มักแข็งแกร่งกว่าตลาดในช่วงการเมืองร้อน – COMM ชอบ BJC, CPALL, HMPRO, RS / FOOD ชอบ CPF, GFPT, TVO / ETRON ชอบ DELTA, HANA / หุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ-สังคม 4 แสนล้านบาท และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน – CK, SEAFCO, TASCO / หุ้นปันผลดี เด่น AP, BBL, DIF, KKP, LH, QH, SCCC, SMPC, TVO / หุ้นรอลุ้นวัคซีน ฟื้นตัวจากฐานราคาและกำไรที่ต่ำ – AOT, BDMS, CENTEL, CPN, CRC, SPA
• หุ้นเด่น ส.ค. (Smart Tactics) AP, CPF, DCC, PRM, SMPC, TVO
ข่าวเด่น