ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯหยุดดำเนินการเนื่องจากพายุเฮอร์ริเคนซัลลี่ถล่ม
ราคาน้ำมันดิบ
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 15 ก.ย. 63 เปลี่ยนแปลง
เวสต์เท็กซัส 38.28 +1.02
เบรนท์ 40.53 +0.92
ดูไบ 39.30 +0.30
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปประเทศสิงคโปร์
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 15 ก.ย. 63 เปลี่ยนแปลง
เบนซินออกเทน 95 45.98 +0.75
น้ำมันก๊าดและอากาศยาน 37.04 -0.47
ดีเซลหมุนเร็ว (0.05% S) 41.76 -0.15
น้ำมันเตา (3.5% S) 37.67 +0.28
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังพายุเฮอร์ริเคนซัลลี่ (Sally) ถล่มอ่าวเม็กซิโก ทำให้แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ต้องหยุดดำเนินการผลิตราว 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนั้นหลายโรงกลั่นในบริเวณดังกล่าวต้องหยุดหรือลดดำเนินการผลิตเช่นกัน อาทิเช่นโรงกลั่น Phillips 66 หยุดดำเนินการผลิต และโรงกลั่น Shell ดำเนินการผลิตในระดับต่ำสุด
+ สถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคลังสหรัฐฯ ณ สัปดาห์สิ้นสุด 11 ก.ย. 63 ปรับลด 9.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล
- สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันปี 2563 ลงราว 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ระดับ 91.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวค่อนข้างช้า และความกังวลการเกิดการแพร่ระบาดระลอกสองของโควิด-19 ซึ่งจะกดดันความต้องการใช้น้ำมันอีกครั้ง
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นในเกาหลีคงกำลังการผลิตในระดับต่ำหรือลดกำลังการผลิต ประกอบกับโรงกลั่นในสหรัฐฯ หยุดดำเนินการ เนื่องจากพายุเฮอร์ริเคนซัลลี่เคลื่อนตัวสู่สหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันดีเซลยังคงอ่อนแอ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง น้ำท่วมในประเทศจีน และพายุเฮอร์ริเคนซัลลี่ถล่มสหรัฐฯ
ข่าวเด่น