สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -7.69 จุด เผชิญแรงขายลดความเสี่ยง-ล็อกกำไรระยะสั้น
SET แกว่ง +/- ในกรอบ 1264-80 ปรับลงครั้งแรกในรอบ 1 สัปดาห์ เผชิญแรงขายลดความเสี่ยง-ล็อกกำไรระยะสั้น รอความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นศก.และการหาเสียงเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ รอบ 2 รวมทั้งการชุมนุมทางการเมือง 14 ต.ค. นี้ ต่างชาติขายสุทธิ 1.34 พันลบ. 18 วันติด และพลิก Short S50 Futures 12,324 สัญญา ยุติ Long 4 วัน ?
ทิศทางตลาดวันนี้ : แกว่งไซด์เวย์กรอบแคบ รอดูงบแบงก์-การชุมนุมฯ สัปดาห์นี้
หุ้นโลกวันศุกร์ (9 ต.ค.) ปรับตัวขึ้นต่อ ขานรับการเจรจามาตรการกระตุ้นศก.สหรัฐฯ มีความคืบหน้า หลังทำเนียบขาวยอมเพิ่มวงเงินการกระตุ้นศก.ขึ้นเป็น 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ฯ แม้จะยังต่ำกว่าที่พรรคเดโมแครตต้องการที่ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ฯ แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีของการเจรจา ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 59 เซนต์ หรือ -1.4% ปิดที่ 40.60 $/บาร์เรล คลายกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านการผลิตน้ำมัน หลังแรงงานในอุตฯ น้ำมันนอร์เวย์ยกเลิกการนัดหยุดงานประท้วงแล้ว มอง SET มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์-ซึมตัวในกรอบแคบ คาดนลท.จะชะลอการลงทุนเนื่องจากคาบเกี่ยววันหยุดพรุ่งนี้ และรอติดตามหลายปัจจัยในสัปดาห์นี้ อาทิ การทยอยประกาศงบแบงก์, การชุมนุมทางการเมือง 14 ต.ค. และการเจรจา Brexit ขณะที่การโต้วาทีรอบ 2 ของสหรัฐฯ ใน 15 ต.ค.ถูกยกเลิกแล้ว โดยจะมีการโต้วาทีครั้งสุดท้ายใน 22 ต.ค. เท่านั้น แนวรับ 1260, 1255 แนวต้าน 1275 อนึ่ง BEAUTY ติด Cash Balance ตั้งแต่ 12 ต.ค. – 20 พ.ย. / ETC ไม่ติด Cash Balance แล้ว กลับมาซื้อขายตามเกณฑ์ปกติวันนี้เป็นวันแรก
กลยุทธ์การลงทุน : รับความเสี่ยงได้สูง เก็งกำไรได้ / จังหวะสะสมเพื่อการลงทุน
การเก็งกำไรช่วงนี้ ขึ้นเน้นขายล็อกกำไรระยะสั้น ไม่หวังส่วนต่างราคามาก เรามอง SET เป็นเพียงขารีบาวด์ และยังมีโอกาสปรับลงต่อ ยังไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม (ต้องขึ้นทะลุ 1300 ก่อนจึงจะลบภาพการแกว่งไซด์เวย์ดาวน์) / พอร์ตลงทุน แนะหาจังหวะสะสมช่วงอ่อนตัว แต่ไม่ต้องรีบร้อนในช่วง 1-2 เดือนนี้
• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick RBF – เราปรับคำแนะนำขึ้นจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”, ปรับเป้าพื้นฐานใหม่ขึ้นเป็น 11.1 บ. จากเดิม 9.3 บ. จากการปรับประมาณการกำไรขึ้น 8-11% ในปี 2020-22F คาดกำไรจะเติบโตเฉลี่ย 23% ต่อปี จาก 1) รายได้กว่า 90% มาจากคำสั่งซื้อตามความต้องการของลูกค้า (made-to-order) ซึ่งเป็นผู้นำในอุตฯ อาหาร 2) จุดแข็งด้าน R&D ทำให้มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลาย 3) การขยายกำลังผลิตในตปท. และ 4) การออกผลิตภัณฑ์ภายใต้ยี่ห้อของตัวบริษัทเอง จะช่วยรักษาการเติบโตของรายได้และให้มาร์จิ้นที่สูง / หุ้นได้ประโยชน์มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ชอบ BJC, COM7, CRC, HMPRO / หุ้นเกี่ยวข้องกับการเติบโตของเทคโนโลยีและกระแส “New Normal” – HANA, COM7, ILINK, SYNEX / หุ้นรับอานิสงส์ข่าววัคซีน-การเปิดรับนทท.แบบพิเศษ (STV) ชอบ AOT, BDMS, CENTEL, SPA / หุ้นที่ประเมินเบื้องต้นว่างบ 3Q20F จะดีทั้ง YoY และ QoQ – AP, BGC, DELTA, ILINK, KCE, KTC, MTC, PRM, RBF, SAPPE, SYNEX, TU / หุ้นน่าสะสม “เพื่อการลงทุน” เน้นราคายัง Laggard แต่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวขึ้น ชอบ AEONTS, AOT, BAM, BDMS, BEM, CPALL, MTC, WHA และทยอยเก็บหุ้นปันผลที่คาด Div. Yield > 4% ต่อปี แนะนำ DCC, EASTW, INTUCH, LH, QH, NYT, PROSPECT*, RATCH, TVO (* กลุ่มทิสโก้เป็นที่ปรึกษาการเงินและผู้จัดจำหน่าย) / หุ้นกลุ่มที่มักแข็งกว่าตลาดในช่วงการเมืองร้อน – COMM ชอบ BJC, CPALL, HMPRO, RS / FOOD ชอบ CPF, GFPT, TVO / ETRON ชอบ DELTA, HANA / หุ้นฟื้นฟูศก.-สังคม 4 แสนลบ.และลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน – CK, SEAFCO
• หุ้นเด่น ต.ค. (Smart Tactics) BGC, PRM, SEAFCO, SMPC, SYNEX, TPIPL
ข่าวเด่น