สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -16.85 จุด Bond Yield ขึ้น + กองทุนฯ ขายปรับพอร์ต
SET ผันผวนในกรอบกว้าง 1513-44 โดยแกว่งในทิศทางปรับตัวลง ถูกกดดันจาก 10Y US Bond Yield ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1.1% อีกครั้ง และกองทุนในปท.ขายปรับพอร์ต (-3.8 พันลบ.) ก่อนการเสนอขายหุ้น IPO ขนาดใหญ่ช่วงปลายเดือน ม.ค.นี้ ต่างชาติพลิกขายสุทธิ 576 ลบ. ยุติซื้อ 3 วันติด แต่พลิก Long S50 Futures 1,703 สัญญา ?
ทิศทางตลาดวันนี้ : ไซด์เวย์ดาวน์ จีนล็อกดาวน์บางเมืองสร้างความกังวลศก.
สินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่เมื่อวันศุกร์ (15 ม.ค.) ปรับตัวลง ถูกกดดันจากยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ใน ธ.ค. ที่หดตัว 3 เดือนติด และแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ ขณะที่จีนสั่งล็อกดาวน์หลายเมือง จากจำนวนผู้ติดเชื้อฯ เพิ่มขึ้นระลอกใหม่ สร้างความกังวลต่อการฟื้นตัวศก.โลก และกดดันราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI ร่วงมากกว่า 2% มอง SET มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ดาวน์ เป็นการพักตัวหลังจากที่ขึ้นมาเร็วในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้ระดับการประเมินมูลค่าหุ้นตึงตัวและเกิดสัญญาณ “Negative Divergence” ซึ่งเป็นภาพลบทางปัจจัยเทคนิค ถึงแม้มีข่าวดีการทยอยฉีดวัคซีนของหลายปท. แต่ต้องถูกหักล้างจากข่าวนอร์เวย์รายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 29 คนหลังฉีดวัคซีนของ Pfizer สร้างความไม่มั่นใจต่อการใช้วัคซีน ขณะที่การจองซื้อหุ้น IPO ขนาดใหญ่ช่วงปลายเดือนนี้ น่าจะทำให้นลท.สถาบันในปท.และตปท.ขายปรับพอร์ตอยู่ในระยะสั้น อิงสถิติในอดีต มักจะกดดัน SET ปรับตัวลงราว 2-3% ในช่วง 2-4 สัปดาห์ก่อนที่ IPO ขนาดใหญ่จะเข้าตลาด สัปดาห์นี้แนะติดตามสถานการณ์ COVID-19 และข่าววัคซีนทั้งในและตปท., การทยอยประกาศงบกลุ่มแบงก์, พิธีสาบานตนของไบเดน, การประชุม BOJ ECB และตัวเลข PMI ภาคผลิต-บริการทั่วโลก แนวรับ 1510, 1500 แนวต้าน 1525-30 อนึ่ง LEO ติด Cash Balance 18 ม.ค. – 25 ก.พ. / NRF ขยายเวลาติด Cash Balance ถึง 5 ก.พ. / UPA ไม่ติด Cash Balance แล้ว กลับมาซื้อขายตามเกณฑ์ปกติวันนี้เป็นวันแรก
กลยุทธ์การลงทุน : เทรดดิ้ง ลงซื้อ-ขึ้นขาย, พอร์ตลงทุน SET >= 1550 ทยอยขาย
แนะนำใช้กรอบ SET 1500-1550 ในการเทรดดิ้ง-เก็งกำไรระยะสั้น ลงซื้อ-ขึ้นขาย / พอร์ตลงทุน นลท.ที่ขายล็อกกำไรไปบางส่วนแถว 1550 ยังไม่ต้องรีบร้อนซื้อคืน มอง SET ยังแกว่งตัวได้อีกในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า
• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick ICHI – คาดกำไร 4Q20F ออกมาดีที่ 117 ลบ. +41% YoY, -5% QoQ การเพิ่มขึ้น YoY มาจากยอดขายสินค้าใหม่ภายในปท.ขณะที่ยอดส่งออกยังคงลดลงจากผลกระทบ COVID-19 ส่วนการลดลงเล็กน้อย QoQ มาจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มเครื่องดื่มผสมวิตามิน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่, คาดกำไรปี 21-22F จะเติบโตเฉลี่ย 17% ต่อปี จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับดี และการปรับขนาดสินค้าให้มีขนาดเล็กลง เพื่อเข้าถึงได้ง่ายขึ้น, เป้าพื้นฐาน 12.3 บ. / หุ้นที่คาดงบจะดี หุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ ชอบ CBG, MTC, PRM, RS, STA, STGT, TVO, WHA หุ้นขนาดเล็ก ชอบ BGC, SIS, TPCH, TWPC / หุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์ลำดับต้นๆ ของการกระจายวัคซีน – BDMS, JWD, STGT / หุ้นที่มีสตอรี่หนุนเฉพาะตัว – EA, GPSC, SCGP, SYNEX / หุ้นปันผลสูง คาด Div. Yield งวดนี้ > 4% แนะนำ AP, KKP, MC, NYT, PYLON, QH, ROJNA, SCB, SCCC, TASCO, TU / บาทแข็งค่าเป็นผลดีต่อหุ้นนำเข้าสินค้า-วัตถุดิบตปท. หุ้นโรงไฟฟ้า รวมทั้งหุ้นพลังงาน-ปิโตรเคมีที่คาดจะมีกำไรจาก FX - SYNEX, TVO / GULF, EGCO BGRIM / PTT, PTTGC แต่จะเป็นลบต่อหุ้นส่งออกทั้งอิเล็กฯ-อาหาร / หุ้นที่น่าเลือกลงทุน คาดกำไรปีนี้ฟื้นตัวดี และราคายังมี Upside ชอบ AEONTS, BAM, BBL, BDMS, PTTGC, STEC, SEAFCO, TOP, TWPC, WHA
• หุ้นเด่น ม.ค. (Smart Tactics) HMPRO, INTUCH, KKP, MTC, SCC, SFLEX, TPIPL, TVO
ข่าวเด่น