สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET +19.82 จุด ต่างชาติบุก, หวังแผนกระตุ้นศก.US คืบหน้า
SET เปิดกระโดดขึ้นผ่านระดับ 1500 ไปเลย และแกว่งแดนบวกตลอดทั้งวันในกรอบ 1507-17 คาดหวังแผนกระตุ้นศก.สหรัฐฯ จะคืบหน้าเร็ว และวัคซีนใหม่ 1 โดสของ Johnson & Johnson ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อฯ ในปท.ลดลงต่ำกว่าหลัก 200 คน ต่างชาติเร่งซื้อสุทธิ 4.18 พันลบ. 2 วันติด แต่พลิก Short S50 Futures เล็กน้อย 1,182 สัญญา
ทิศทางตลาดวันนี้ : ไต่ขึ้นต่อ ท่ามกลางภาวะ “Risk-on” คาดหวังการฟื้นตัวศก.
หุ้นโลกเมื่อวาน (8 ก.พ.) ปรับขึ้นต่อ โดยทั้ง 3 ดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐฯ (DJ, S&P500, NASDAQ) ปิดระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ขานรับสภาคองเกรสเห็นชอบแนวทางการผลักดันแผนกระตุ้นศก.ของไบเดนมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ฯ แบบ “Budget Reconciliation” ซึ่งจะทำให้ใช้คะแนนเสียงเพียงกึ่งหนึ่งในการผ่านกม. แทนที่จะใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 ตามวิธีการผ่านกม.ทั่วไป ส่งผลให้แผนกระตุ้นศก.สหรัฐฯ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้เร็ว ภายในกลางเดือน มี.ค. นี้ ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 6 วันติด ปิดที่ 57.97 $/บาร์เรล ขณะที่ Brent ปิดเหนือระดับ 60 $/บาร์เรล ที่ 60.56 $/บาร์เรล สูงสุดใหม่ในรอบมากกว่า 1 ปี จากความหวังการฟื้นตัวทางศก. และ OPEC+ ยังรักษาระดับการผลิตน้ำมันตามข้อตกลง มอง SET มีโอกาสไต่ขึ้นต่อ นลท.อยู่ในภาวะ “Risk-on” โหมด คาดหวัง ศก.ฟื้นตัวดี หลังจำนวนผู้ติดเชื้อฯ ใหม่ทั่วโลกชะลอตัวต่อเนื่อง และแผนกระตุ้นศก.สหรัฐฯ น่าจะออกได้เร็ว หนุนความต้องการถือสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นวัฏจักร เช่น กลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี และกลุ่มแบงก์ ซึ่งหุ้นไทยมีน้ำหนักในกลุ่มเหล่านี้รวมสูงถึง 1 ใน 3 ของมูลค่าตลาดรวม ผสานกับทิศทางการลงทุนของต่างชาติที่เป็นบวกมากขึ้น อย่างไรก็ดี ระหว่างวันต้องระวังแกว่งจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น แนวรับ 1505-10 แนวต้าน 1530
กลยุทธ์การลงทุน : เก็งกำไร ลงซื้อ-ขึ้นขาย เล็งเป้า 1530, 1550-60 ตามลำดับ
SET เมื่อวานขึ้นทะลุ 1500 และปิดเหนือระดับ 1515 พร้อมมูลค่าซื้อขายหนาแน่น ยืนยันเป็นสัญญาณเชิงบวก เล็งเป้า SET ถัดไป ขึ้นทดสอบ 1530 และจุดสูงสุดเดิมที่ 1550-60 แต่การเก็งกำไรช่วงนี้ยังเหมาะสำหรับนลท.ที่รับความเสี่ยงได้สูง แนะลงซื้อ-ขึ้นขาย / พอร์ตลงทุน ถือ“Let Profits Run”เน้นหาจังหวะซื้อช่วงอ่อนตัว-ไม่ไล่ราคา
• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick BBL – แนวโน้มกำไรปีนี้คาดฟื้นตัวแรง +70% หลัก ๆ จากต้นทุนเครดิตที่ลดลงเป็น 92 bps vs 141 bps ในปีที่แล้ว, งบดุลแข็งแกร่ง และมีความเสี่ยง NPL ต่ำกว่าแบงก์ขนาดใหญ่อื่น ๆ, เรามีการปรับประมาณการกำไรเล็กน้อย เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางที่ผู้บริหารให้ไว้ ปรับเป้าพื้นฐานขึ้นจาก 145 บ. เป็น 150 บ. เป็นหุ้นเด่นที่สุดในกลุ่มแบงก์ และเรายังแนะนำ “ซื้อ” / หุ้นที่คาดงบจะดี หุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ ชอบ CBG, MTC, PRM, RS, STA, STGT, TVO, WHA หุ้นขนาดเล็ก ชอบ PLANB, SFLEX, SIS, TPCH, TWPC / หุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์ลำดับต้นๆ ของการกระจายวัคซีน – BDMS, JWD, STGT / หุ้นที่มีสตอรี่หนุนเฉพาะตัว – EA, GPSC, SCGP, SYNEX / หุ้นปันผลสูง คาด Div. Yield งวดนี้ > 4% แนะนำ AP, KKP, MC, NYT, PYLON, QH, ROJNA, SCB, SCCC, TASCO, TU / บาทแข็งค่าเป็นผลดีต่อหุ้นนำเข้าสินค้า-วัตถุดิบตปท. หุ้นโรงไฟฟ้า รวมทั้งหุ้นพลังงาน-ปิโตรเคมีที่คาดจะมีกำไรจาก FX - SYNEX, TVO / GULF, EGCO BGRIM / PTT, PTTGC แต่จะเป็นลบต่อหุ้นส่งออกทั้งอิเล็กฯ-อาหาร / หุ้นที่น่าเลือกลงทุน คาดกำไรปีนี้ฟื้นตัวดี และราคายังมี Upside ชอบ AEONTS, BAM, BBL, BDMS, PTTGC, STEC, SEAFCO, TOP, WHA
• หุ้นเด่น ก.พ. (Smart Tactics) AP, BDMS, DCC, KCE, KKP, SCB, SCGP, STGT, TWPC
ข่าวเด่น