สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -8.20 จุด แรงขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่กดดันดัชนี
SET แกว่งอิงแดนลบในกรอบ 1513-28 ถูกกดดันจากการปรับตัวขึ้นของ Bond Yield สหรัฐฯ ทำจุดสูงสุดใหม่รอบ 1 ปี ประกอบกับ SET ขึ้นทดสอบ 1530 หลายครั้งแต่ยังไม่ผ่าน ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่กดดันชีปรับฐาน ต่างชาติพลิกขายสุทธิ 1.64 พันลบ. แต่ Long S50 Futures 9,962 สัญญา 3 วันติด
ทิศทางตลาดวันนี้ : ลุ้นรีบาวด์แคบๆ FED ส่งสัญญาณผ่อนคลายการเงินต่อไป
หุ้นโลกเมื่อวาน (17 ก.พ.) ส่วนใหญ่ปรับตัวลง นลท.ระมัดระวังต่อการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของ Bond Yield สหรัฐฯ หลัง 10Y US Bond Yield แตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 1 ปี อย่างไรก็ดี รายงานประชุม FED ครั้งก่อน มองการฟื้นตัวทางศก.ยังต้องใช้เวลากว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป กดดันให้ Bond Yield อ่อนตัวลง 5 bps จาก 1.31% ในวันก่อนหน้า เป็น 1.26% ในปัจจุบัน คาดจะกระตุ้นตลาดรีบาวด์ได้ ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นต่อ +1.09$ ปิดที่ 61.14 $/บาร์เรล สูงสุดใหม่ในรอบมากกว่า 1 ปี จากสภาพอากาศที่เย็นจัด ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ในขณะเดียวกันส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในรัฐเท็กซัส มอง SET มีโอกาสรีบาวด์แคบ ๆ ขานรับ FED ส่งสัญญาณผ่อนคลายการเงินต่อไป กดดัน Bond Yield อ่อนตัวลง ผสานกับราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้น คาดจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย ขณะที่หุ้น OR เพิ่งประกาศงบมี EPS 0.98 บ./หุ้น ทำให้ PER ลดลงต่ำกว่า 40x ไม่เข้าข่ายติด Cash Balance แล้ว วันนี้แนะนำติดตามงบหุ้นใหญ่ PTT, BH ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ รายสัปดาห์, สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อเนื่องจนถึงวันศุกร์นี้ก่อนลงมติในวันเสาร์ แนวรับ 1510 แนวต้าน 1525, 1530-32
กลยุทธ์การลงทุน : เก็งกำไร ลงซื้อ-ขึ้นขาย เล็งเป้า 1530, 1550-60 ตามลำดับ
การเทรดดิ้งสั้น ลงซื้อ-ขึ้นขาย เล็งเป้า SET ขึ้นทดสอบ 1530 และจุดสูงสุดเดิมที่ 1550-60 ตามลำดับ และใช้ SET ปิดต่ำกว่า 1500-1505 เป็นจุด Stop Loss / พอร์ตลงทุน “Let Profits Run”เน้นหาจังหวะซื้อช่วงอ่อนตัว-ไม่ไล่ราคา
• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick PROSPECT – ประกาศกำไรทั้งปี 2020 ที่ 100 ลบ.เป็นไปตามคาด และประกาศจ่ายปันผล 0.2805 บ./หุ้น สำหรับผลการดำเนินงาน 4Q20 โดยจะขึ้น XD 1 มี.ค.นี้ เมื่อรวมกับเงินปันผลที่จ่ายในไตรมาสก่อนหน้าที่จัดตั้ง (14 ส.ค. – 30 ก.ย. 2020) ที่ 0.1227 บ./หุ้น จะคิดเป็น Div. Yield ต่อปีสูงถึง 12%, มองราคาหุ้นที่ยังต่ำกว่าราคา IPO ที่ 10 บ. ทั้งๆ ที่ผลการดำเนินงานยังคงแข็งแกร่ง มีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ในระดับสูงที่ 95% เป็นจังหวะสะสม, เป้าพื้นฐาน 11.3 บ. / OR เข้าดัชนี SET50 และดัชนี MSCI แบบ Fast Track มีผล 17 ก.พ. และ 26 ก.พ. ตามลำดับ / หุ้นที่คาดงบจะดี หุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ ชอบ CBG, MTC, PRM, RS, STA, STGT, TVO, WHA หุ้นขนาดเล็ก ชอบ PLANB, SFLEX, SIS, TPCH, TWPC / หุ้นที่ได้ประโยชน์ศก.ฟื้นตัวและภาวะดบ.ต่ำ ชอบกลุ่มการเงิน – KKP, AEONTS และหุ้นปันผลดี (คาด Div. Yield งวดนี้ > 4%) - AP, KKP, NYT, PYLON, ROJNA, SCCC / หุ้นที่ได้บรรยากาศเชิงบวกจากแนวทาง “วัคซีนพาสปอร์ต” และสถานการณ์แพร่ระบาดทั่วโลกดีขึ้น - AOT, CENTEL, MINT, SPA / หุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์ลำดับต้นๆ ของการกระจายวัคซีน – BDMS, JWD, STGT / หุ้นที่ตลาดมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรขึ้น – BBL, KBANK, CRC, PTTGC / กระแสกัญชา-กัญชง หุ้นที่มีศักยภาพสูงเริ่มต้นก่อน – DOD, RBF / หุ้นน่าเลือกลงทุน คาดกำไรปีนี้ฟื้นตัวดี ราคายังมี Upside ชอบ AEONTS, BAM, BBL, BDMS, PTTGC, STEC, SEAFCO, TOP, WHA
• หุ้นเด่น ก.พ. (Smart Tactics) AP, BDMS, DCC, KCE, KKP, SCB, SCGP, STGT, TWPC ?
ข่าวเด่น