ไทยออยล์ วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน ประจำวันที่ 7 พ.ค. ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังตลาดกังวลความต้องการใช้น้ำมันในอินเดียมีแนวโน้มชะลอตัวลง
- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังได้รับแรงกดดันจากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มปรับลดลง โดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันอันดับ 3 ของโลก โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในอินเดียยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องแตะระดับสูงสุดในรอบประวัติการณ์ที่ 4.1 แสนราย นอกจากนี้ การแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและได้เข้าสู่หลายพื้นที่ในชนบท ซึ่งกว่า 70% ของประชากรอาศัยอยู่ในชนบท ทั้งนี้ จากการแพร่ระบาดที่ยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้มีการประกาศขยายระยะเวลาของมาตรการล็อกดาวน์ในหลายรัฐในอินเดียออกไปเพิ่มเติม
+ สำนักงานสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับลดลงกว่า 8 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล สาเหตุหลักมาจากการส่งออกน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบสุทธิของสหรัฐฯ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปี
+ ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ และยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังสหรัฐฯ เตรียมผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองเพิ่มเติม ขณะที่ยุโรปอยู่ระหว่างการหารือเพื่อเปิดดำเนินการท่องเที่ยวมากขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 6 พ.ค. 64 เปลี่ยนแปลง
เวสต์เท็กซัส 64.71 -0.92
เบรนท์ 68.09 -0.87
ดูไบ 67.26 -0.64
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปประเทศสิงคโปร์
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 6 พ.ค. 64 เปลี่ยนแปลง
เบนซินออกเทน 95 78.02 -0.47
น้ำมันก๊าดและอากาศยาน 72.50 -0.67
ดีเซลหมุนเร็ว (0.05% S) 72.34 -0.63
น้ำมันเตา (3.5% S) 62.18 -0.45
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ของอินเดียที่มีแนวโน้มปรับลดลง และการส่งออกของไต้หวันที่เพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปทานในภูมิภาคที่ปรับลดลง และการส่งออกไปยังแถบประเทศฝั่งตะวันตกที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน
ข่าวเด่น