สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET +13.12 จุด ตัวเลขศก.สหรัฐฯ แกร่ง, ต่างชาติซื้อคืน
SET แกว่งแดนบวกตลอดทั้งในกรอบ 1577-89 รีบาวด์ 2 วันติดตามทิศทางหุ้นโลกที่ปรับขึ้น ขานรับตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ แกร่งเกินคาด ลดลงมาที่ 498,000 ราย เป็นระดับต่ำสุดใหม่นับตั้งแต่มีการระบาด COVID-19 ต้นปีที่แล้ว ต่างชาติซื้อสุทธิ 3.28 พันลบ. 2 วันติด และ Long S50 Futures 25,476 สัญญา 2 วันติด
ทิศทางตลาดวันนี้ : ไซด์เวย์อิงแดนบวก สถานการณ์ผู้ป่วยดีขึ้น, น้ำมันหนุน
หุ้นโลกวันศุกร์ (7 พ.ค.) ปรับขึ้นกันถ้วนหน้า ดัชนี DJ และ S&P500 ของสหรัฐฯ ปิดระดับสูงสุดใหม่ แม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 266,000 ตำแหน่งใน เม.ย. (อัตราว่างงานอยู่ที่ 6.1%) แย่กว่าตลาดคาดที่ 1 ล้านตำแหน่ง (5.8%) ก็ตาม เนื่องจากนลท.เชี่อว่าตัวเลขการจ้างงานเดือน เม.ย.ที่ออกมาน่าผิดหวังเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว ไม่ใช่สัญญาณที่บ่งชี้ว่าการฟื้นตัวศก.สหรัฐฯ อ่อนแรงลง และคาด FED จะยังใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมากต่อไป ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI +19 เซนต์ ปรับขึ้น 2 สัปดาห์ติด ปิดที่ 64.90 $/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการเปิดศก.ของสหรัฐฯ และยุโรป มอง SET มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ ให้น้ำหนักอิงทางแดนบวกแบบจำกัด แม้สถานการณ์ระบาด COVID-19 ในปท.ยังน่าเป็นห่วง แต่สถานการณ์ผู้ป่วยดีขึ้น หลังจำนวนคนรักษาหายต่อวัน มากกว่าจำนวนคนติดเชื้อใหม่ ทำให้มีเตียงรองรับผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น ผสานกับรัฐบาลเตรียมทุ่มเงินมากกว่า 2 แสนลบ. ในการออกมาตรการต่าง ๆ กระตุ้นศก.ตั้งแต่กลางปีนี้ต่อเนื่องถึงสิ้นปีนี้ และวางแผนจัดหาวัคซีนเพิ่มจากเดิม 64 ล้านโดส เป็น 100-150 ล้านโดส น่าจะสร้างความหวังการฟื้นตัวศก.ในระยะต่อไป นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมีและหุ้นเกี่ยวข้อง ซึ่งมีน้ำหนักในตลาดหุ้นไทยราว 1 ใน 4 คาดจะได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น หลังมีข่าวท่อส่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ถูกแฮกเรียกค่าไถ่ ส่งผลให้การส่งน้ำมันต้องหยุดชะงัก แนวรับ 1575 แนวต้าน 1590, 1595 อนึ่ง DOD, DOD-W1, GBX, IND, PROEN ติด Cash Balance 10 พ.ค. – 18 มิ.ย.
กลยุทธ์การลงทุน : รับความเสี่ยงได้สูง แนะเทรดดิ้งสั้น ลงซื้อ-ขึ้นขาย, เน้นตั้งรับ
คาดทิศทางตลาดระยะสั้นยังผันผวนสูง การเทรดดิ้ง-เก็งกำไรระยะสั้น จึงเหมาะสำหรับผู้รับความเสี่ยงได้สูง ลงซื้อ-ขึ้นขาย เน้นตั้งรับ ไม่หวังส่วนต่างราคามาก / พอร์ตลงทุน แนะหาจังหวะอ่อนตัวทยอยซื้อสะสม
• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick KISS – เราเริ่มต้นวิเคราะห์หุ้น KISS ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสม 17.5 บ. จาก 1) มีแบรนด์ “Rojukiss” แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นแบรนด์ไทยที่เน้นเซรั่มและตอบโจทย์ผู้บริโภคไทยได้อย่างดี ทำให้ยอดขายบริษัทในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เติบโตสูงเฉลี่ย 22% ต่อปี ดีกว่าอุตฯ ที่โต 8% ต่อปี ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดขึ้นเป็นอันดับ 5 2) วางแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเส้นผม ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตดี 3) คาดช่องทาง Media Commerce (“O2KISS”) จะช่วยผลักดันการเติบโตกำไรของบริษัท จากฐานลูกค้าของ O-Shopping / ตลท.ชะลอการปรับเกณฑ์การคำนวณดัชนีด้วยวิธี “Free Float Adjusted Market Cap.” อย่างไม่มีกำหนด หลังการเปิดรับฟังความคิดเห็นมีผู้ที่เกี่ยวข้องไม่เห็นด้วยเป็นจำนวนมาก อาจกดดันราคาหุ้นที่เคยคาดว่าจะได้ประโยชน์ เช่น BBL, KBANK, SCB, SCC, BDMS, CPALL แต่ในทางกลับกัน จะช่วยปลดล็อกความกังวลหุ้นที่คาดว่าจะเสียประโยชน์ก่อนหน้านี้ อาทิ AOT, DELTA, OR, GULF / หุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากการระบาด – STGT, STA, SYNEX, COM7, HANA, KCE ขณะที่หุ้นเสียประโยชน์ คือ หุ้นท่องเที่ยวและการบริโภคในปท. / หุ้นที่คาดงบดี – BCH, CHG, EASTW, GULF, JWD, NYT, ORI, PTG, PTT, PTTGC, ROJNA, SCC, SCCC, STEC, STGT, STA, SYNEX, TASCO, TFG, TPIPL, TU, TWPC / หุ้นเก็งเข้าดัชนี MSCI – SCGP / SET50 – เบื้องต้น IRPC, STGT, STA / หุ้นน่าเลือกลงทุน คาดกำไรปีนี้ฟื้นตัวดี ชอบ AEONTS, BAM, BBL, CPALL, EASTW, JWD, RS, SCGP, SISB, STEC, TOP
• หุ้นเด่น พ.ค. (Smart Tactics) BCH, EASTW, HMPRO, JWD, SCGP, STGT, TVO
ข่าวเด่น