สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -7.08 จุด กังวลเงินเฟ้อพุ่ง แต่หุ้น DELTA แผลงฤทธิ์
SET แกว่งแดนลบตลอดทั้งวันในกรอบ 1557-78 ตามทิศทางหุ้นตปท. กังวลแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้ FED ดำเนินการคุมเข้มนโยบายการเงินเร็วกว่าคาด แต่หุ้น DELTA +20% เพียงตัวเดียวมีผลต่อ SET สูงถึง +10 จุด ต่างชาติขายสุทธิ 3.25 พันลบ. 3 วันติด และพลิก Short S50 Futures 30,528 สัญญา ยุติ Long 4 วัน
ทิศทางตลาดวันนี้ : ไซด์เวย์ดาวน์ เงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งกว่าคาดหนุนตลาดขายต่อ
หุ้นโลกเมื่อวาน (12 พ.ค.) ปิดแตกต่างกัน หุ้นยุโรปขยับขึ้นเล็กน้อย อานิสงส์หุ้นพลังงานปรับขึ้นตามราคาน้ำมันและข่าวการซื้อกิจการในกลุ่ม Healthcare ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนัก กังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด (+4.2% ใน เม.ย. YoY vs +2.6% ใน มี.ค. และคาด +3.6%) อาจทำให้ FED ลดการผ่อนคลายการเงินลง กระตุ้นนลท.เทขายหุ้นต่อเนื่อง ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้น 80 เซนต์ ปิดสูงสุดในรอบ 2 เดือนที่ 66.08 $/บาร์เรล หลังการส่งออกน้ำมันสหรัฐฯ ลดลง มอง SET แกว่งไซด์เวย์ดาวน์ จาก Sentiment หุ้นโลกที่เป็นลบต่อเนื่อง กังวลการเพิ่มขึ้นเร็วของเงินเฟ้อ ส่งผลต่อการผ่อนคลายการเงิน ผสานกับหุ้นไทยถูก MSCI ลดน้ำหนักในดัชนีลงจาก 1.83% เป็น 1.73% มีผล 27 พ.ค. จะคิดเป็นเม็ดเงินไหลออกราว 1 หมื่นลบ. ขณะที่ราคาหุ้น DELTA ที่ขึ้นหวือหวาเมื่อวานถูกติด Cash Balance 13 พ.ค. – 2 มิ.ย. อาจลดบทบาทลง แนวรับ 1557-60, 1545-50 แนวต้าน 1578-80
กลยุทธ์การลงทุน : รับความเสี่ยงได้สูง แนะเทรดดิ้งสั้น ลงซื้อ-ขึ้นขาย, เน้นตั้งรับ
คาดทิศทางตลาดระยะสั้นยังผันผวนสูง การเทรดดิ้ง-เก็งกำไรระยะสั้น จึงเหมาะสำหรับผู้รับความเสี่ยงได้สูง ลงซื้อ-ขึ้นขาย เน้นตั้งรับ ไม่หวังส่วนต่างราคามาก / พอร์ตลงทุน แนะหาจังหวะอ่อนตัวทยอยซื้อสะสม
• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick BEC – เรากลับมาวิเคราะห์หุ้น BEC ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 13 บ. จากผลประกอบการปีนี้คาดพลิกมีกำไร 638 ลบ.และกลับมาจ่ายปันผลได้ครั้งแรกในรอบ 3 ปี อานิสงส์จาก 1) การปรับโครงสร้างผู้บริหาร ลดพนักงาน ปรับขนาดองค์กร และบริหารควบคุมต้นทุน เช่น การปิดช่อง 3 แอนะล็อกช่วงปลายปีที่ผ่านมาช่วยลดต้นทุนโครงข่ายต่างจังหวัดมากกว่า 100 ลบ./ปี และการถอนการถือหุ้นใน BEC-Tero เพื่อหยุดรับรู้ผลขาดทุน เป็นต้น 2) การต่อยอดธุรกิจขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปตปท.มากขึ้น จากกลยุทธ์ “ Single Content , Multiple Platform ” และ 3) แนวโน้มเรตติ้งกำลังดีขึ้นจากคอนเทนต์เด่น “เรื่องเล่า” 3 รายการ, แนวโน้มกำไร 2 ปีข้างหน้าดีต่อ (ปี 2022-23F) คาดจะโตเฉลี่ยปีละ 30% / ผลทบทวนดัชนี MSCI (มีผลใช้ราคาปิด 27 พ.ค.) Global Standard เข้า 2 ตัว – CBG, SCGP ออก 2 ตัว – KBANK-F, DTAC / Small Cap เข้า 8 ตัว – ACE, PSL, RCL, SCCC, SINGER, SYNEX, TTA, TOA ไม่มีออก / ตลท.ชะลอการปรับเกณฑ์การคำนวณดัชนีด้วยวิธี “Free Float Adjusted Market Cap.” แบบไม่มีกำหนด หลังการเปิดรับฟังความคิดเห็นมีผู้ที่เกี่ยวข้องไม่เห็นด้วยจำนวนมาก อาจกดดันราคาหุ้นที่เคยคาดว่าจะได้ประโยชน์ เช่น BBL, KBANK, SCB, SCC, BDMS, CPALL แต่ในทางกลับกัน จะช่วยปลดล็อกความกังวลหุ้นที่คาดว่าจะเสียประโยชน์ก่อนหน้านี้ อาทิ AOT, DELTA, OR, GULF / หุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากการระบาด – STGT, STA, SYNEX, COM7, HANA, KCE ขณะที่หุ้นเสียประโยชน์ คือ หุ้นท่องเที่ยวและการบริโภคในปท. / หุ้นที่คาดงบดีโค้งสุดท้าย – BCH, CHG, EASTW, GULF, ORI, PTG, PTT, ROJNA, SCCC, STEC, TFG, TPIPL, TWPC / หุ้นคาดเข้า SET50 – เบื้องต้น IRPC, STGT, STA / หุ้นน่าลงทุน คาดกำไรปีนี้ฟื้นตัวดี ชอบ AEONTS, BAM, BBL, CPALL, EASTW, JWD, SCGP, SISB, STEC, TOP
• หุ้นเด่น พ.ค. (Smart Tactics) BCH, EASTW, HMPRO, JWD, SCGP, STGT, TVO
ข่าวเด่น