สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -23.72 จุด “Panic Sell” วิตกเงินเฟ้อพุ่ง, มีคลัสเตอร์ใหม่
SET ภาคเช้าเปิดกระโดดลงและเกิด “Panic Sell” ในภาคบ่ายแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 1501 หรือ -70 จุด ก่อนรีบาวด์เทคนิค วิตกเงินเฟ้อสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่าคาด ผสานกับมีคลัสเตอร์ใหม่ในเรือนจำ ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อฯ ทะลุหลัก 4 พันคนเป็นสถิติใหม่ ต่างชาติขายสุทธิ 2.45 พันลบ. 4 วันติด และ Short S50 Futures 55,850 สัญญา 2 วันติด
ทิศทางตลาดวันนี้ : ผันผวนแต่มีลุ้นเด้งช่วงสั้นตามหุ้นโลก นลท.เริ่มย่อยข่าวสาร
หุ้นโลกเมื่อวาน (13 พ.ค.) ส่วนใหญ่รีบาวด์ โดยหุ้นสหรัฐฯ ดีดกลับกว่า 1% ยุติร่วง 2 วันติด ขานรับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ ลดลง 34,000 ราย สู่ระดับ 473,000 ราย ซึ่งดีกว่าตลาดคาด และเป็นจุดต่ำสุดใหม่นับตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดในต้นปีที่แล้ว หนุนแรงซื้อเก็งกำไร “Bottom Fishing” ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงมากกว่า 3% จากระดับสูงสุดรอบ 2 เดือน มาที่ 63.82 $/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าท่อส่งน้ำมัน Colonial ของสหรัฐฯ เริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้ง มอง SET มีแนวโน้มผันผวน แต่มีลุ้นรีบาวด์ช่วงสั้นๆ ตามทิศทางหุ้นโลกที่ฟื้นตัว และเชื่อว่านลท.จะหายตื่นตระหนก! พิจารณาปัจจัยการลงทุนรอบคอบขึ้น อย่างไรก็ดี เรามองกรอบการรีบาวด์ยังจำกัด จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ระบาดในปท.ที่ยืดเยื้อและมีคลัสเตอร์ใหม่ในเรือนจำ ประกอบกับแนวโน้ม Fund Flows ยังเป็นลบอยู่ ทั้งจากความกังวลเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจนำไปสู่การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของ FED ที่เข้มงวดเร็วกว่าคาด และหุ้นไทยถูก MSCI ลดน้ำหนักในดัชนีลง 0.1% เป็น 1.73% คาดจะมีเม็ดเงินไหลออกราว 1 หมื่นลบ. แนวรับ 1530 แนวต้าน 1562 อนึ่ง คาด DITTO, INGRS, VPO ติด Cash Balance เย็นนี้
กลยุทธ์การลงทุน : รับความเสี่ยงได้สูง แนะเทรดดิ้งสั้น ลงซื้อ-ขึ้นขาย, เน้นตั้งรับ
คาดทิศทางตลาดระยะสั้นยังผันผวนสูง การเทรดดิ้ง-เก็งกำไรระยะสั้น จึงเหมาะสำหรับผู้รับความเสี่ยงได้สูง ลงซื้อ-ขึ้นขาย แบบจำกัดวงเงิน เน้นตั้งรับ ไม่หวังส่วนต่างราคามาก / พอร์ตลงทุน แนะหาจังหวะอ่อนตัวทยอยซื้อสะสม
• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick KCE – ผลประกอบการ 1Q21 ดีกว่าเราและตลาดคาด 24-28%, ผู้บริหารให้แนวทางเป้ารายได้และกำไรปีนี้สูงขึ้น สำหรับรายได้มองจะเติบโต 35% เทียบกับเดิมที่ประมาณ 30% และอัตราส่วนกำไรขั้นต้นคาดอยู่ที่ 27-28% เทียบกับที่เราคาดเดิมที่ 26.5% ส่วนรายได้ปีหน้า ผู้บริหารตั้งเป้าโตอีก 10-12%, เราปรับประมาณการกำไรขึ้นจาก 1) เริ่มปรับราคาขายขึ้น 5% ใน พ.ค. เพื่อสะท้อนต้นทุนราคาทองแดงที่ปรับตัวสูงขึ้น 2) แนวโน้มบาทอ่อนค่า 3) กำลังการผลิต HDI จะเริ่มเข้ามาในครึ่งปีหลัง, ปรับคำแนะนำขึ้นจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”, เป้าพื้นฐานใหม่ 75.75 บ. / ผลทบทวนดัชนี MSCI (มีผลใช้ราคาปิด 27 พ.ค.) Global Standard เข้า 2 ตัว – CBG, SCGP ออก 2 ตัว – KBANK-F, DTAC / Small Cap เข้า 8 ตัว – ACE, PSL, RCL, SCCC, SINGER, SYNEX, TTA, TOA ไม่มีออก / ตลท.ชะลอการปรับเกณฑ์การคำนวณดัชนีด้วยวิธี “Free Float Adjusted Market Cap.” แบบไม่มีกำหนด หลังการเปิดรับฟังความคิดเห็นมีผู้ที่เกี่ยวข้องไม่เห็นด้วยจำนวนมาก อาจกดดันราคาหุ้นที่เคยคาดว่าจะได้ประโยชน์ เช่น BBL, KBANK, SCB, SCC, BDMS, CPALL แต่ในทางกลับกัน จะช่วยปลดล็อกความกังวลหุ้นที่คาดว่าจะเสียประโยชน์ก่อนหน้านี้ อาทิ AOT, DELTA, OR, GULF / หุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากการระบาด – STGT, STA, SYNEX, COM7, HANA, KCE ขณะที่หุ้นเสียประโยชน์ คือ หุ้นท่องเที่ยวและการบริโภคในปท. / หุ้นคาดเข้า SET50 – เบื้องต้น IRPC, STGT, STA / หุ้นน่าลงทุน คาดกำไรปีนี้ฟื้นตัวดี ชอบ AEONTS, BAM, BBL, CPALL, EASTW, JWD, SCGP, SISB, STEC, TOP
• หุ้นเด่น พ.ค. (Smart Tactics) BCH, EASTW, HMPRO, JWD, SCGP, STGT, TVO
ข่าวเด่น