สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET +17.64 จุด นายกฯ ตั้งเป้าฉีดวัคซีนเชิงรุก
SET แกว่งแดนบวกตลอดทั้งวันในกรอบ 1558-70 รีบาวด์ตามหุ้นภูมิภาค หลังจากที่ร่วงลงในช่วงก่อนหน้านี้ ผสานกับนายกฯ ตั้งเป้าฉีดวัคซีนคนกรุงเทพฯ ให้ได้ 5 ล้านคนใน 2 เดือน (มิ.ย. - ก.ค.) ช่วยกระตุ้นแรงซื้อคืนหุ้นท่องเที่ยวและบริโภคภายในปท. ต่างชาติขายสุทธิ 1.74 พันลบ. 7 วันติด แต่ Long S50 Futures 23,032 สัญญา 3 วันติด
ทิศทางตลาดวันนี้ : แกว่งพักฐาน ขาดปัจจัยใหม่ รอติดตามรายงานประชุม FED
หุ้นโลกเมื่อวาน (18 พ.ค.) ส่วนใหญ่ปรับตัวลง ท่ามกลางตัวเลขการสร้างบ้านใหม่ในสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ที่ลดลงมากกว่าคาด และหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ขนาดใหญ่เผชิญแรงขายทำกำไรพลิกกลับมาปรับตัวลงในช่วงท้ายตลาด ขณะที่หุ้นพลังงานมีส่วนกดดันตลาดด้วย หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงมากกว่า 1% จากการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านมีความคืบหน้า สร้างความกังวลต่อปริมาณน้ำมันจำนวนมากจากอิหร่านจะเข้าสู่ตลาด แม้ SET เมื่อวานดีดตัวขึ้นดีกว่าคาด แต่เรามองกรอบการรีบาวด์เริ่มจำกัด และยังเร็วเกินไปที่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มการปรับฐาน คาดนลท.ยังระมัดระวังต่อสถานการณ์ระบาดในปท.และผลกระทบเชิงลบต่อศก. ผสานกับแนวโน้ม Fund Flows ที่ยังเป็นลบอยู่ จากหุ้นไทยถูก MSCI ลดน้ำหนักในดัชนีลง 0.1% เป็น 1.73% คาดจะมีเม็ดเงินไหลออกราว 1 หมื่นลบ. เรามอง SET จะฟื้นตัวได้ต่อเนื่องและมั่นคงขึ้น ก็ต่อเมื่อมีสัญญาณควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้วและ/หรือมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนเป็นสำคัญ วันนี้แนะนำติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหภาพยุโรป, รายงานประชุม กนง. และ FED ครั้งก่อน แนวรับ 1560, 1550+/- แนวต้าน 1570, 1580 อนึ่ง DIMET, DIMET-W3, DIMET-W4, SABUY, SABUY-W1 ติด Cash Balance 19 พ.ค. – 8 มิ.ย.
กลยุทธ์การลงทุน : รับความเสี่ยงได้สูง แนะเทรดดิ้งสั้น ลงซื้อ-ขึ้นขาย, เน้นตั้งรับ
แนะใช้กรอบ SET 1530-1570 ในการเทรดดิ้งสั้น ลงซื้อ-ขึ้น หาก SET ปิดต่ำกว่า 1550 จะเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ดี, มอง SET ยังอยู่ในช่วงการปรับฐานจนกว่าจะปิดเหนือ 1590 ได้ / พอร์ตลงทุน หาจังหวะอ่อนตัวทยอยซื้อสะสม
• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick JWD – ภายหลังการประชุมกับผู้บริหาร เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรของบริษัท โดยผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 5 พันลบ. และจะขึ้นแตะระดับ 1 หมื่นลบ.ใน 5 ปีข้างหน้า ขณะที่อัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะดีขึ้นจากธุรกิจใหม่และธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง, เราปรับประมาณการกำไรปี 21-23F ขึ้นราว 4% จากการขยายธุรกิจห้องเย็นและคลังสินค้า ขณะที่กลุ่มสินค้าอันตรายและยานยนต์ยังคงสดใส, เป้าพื้นฐานใหม่ 15.5 บ. / หุ้นที่กำไรดีกว่าคาด ตลาดมีโอกาสปรับประมาณการกำไรขึ้น เด่น AP, BANPU, BCP, EASTW, KCE, SAT, SCC, TOA, TVO / ผลทบทวนดัชนี MSCI (มีผลใช้ ณ ราคาปิด 27 พ.ค.) Global Standard เข้า 2 ตัว – CBG, SCGP ออก 2 ตัว – KBANK-F, DTAC / Small Cap เข้า 8 ตัว – ACE, PSL, RCL, SCCC, SINGER, SYNEX, TTA, TOA ไม่มีออก / หุ้นคาดเข้า SET50 – เบื้องต้น IRPC, STGT, STA / หุ้นแนวโน้มกำไรดีต่อเนื่องในครี่งปีหลัง แนะหาจังหวะซื้อสะสมช่วงอ่อนตัว – BCH, BEC, EASTW, COM7, III, JWD, KCE, PTTGC, RS, SCGP, STEC / ตลท.ชะลอการปรับเกณฑ์การคำนวณดัชนีด้วยวิธี “Free Float Adjusted Market Cap.” แบบไม่มีกำหนด หลังการเปิดรับฟังความคิดเห็นมีผู้ที่เกี่ยวข้องไม่เห็นด้วยจำนวนมาก อาจกดดันราคาหุ้นที่เคยคาดว่าจะได้ประโยชน์ เช่น BBL, KBANK, SCB, SCC, BDMS, CPALL แต่ในทางกลับกัน จะช่วยปลดล็อกความกังวลหุ้นที่คาดว่าจะเสียประโยชน์ก่อนหน้านี้ อาทิ AOT, DELTA, OR, GULF / หุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากการระบาด – STGT, STA, SYNEX, COM7, HANA, KCE ขณะที่หุ้นเสียประโยชน์ คือ หุ้นท่องเที่ยวและการบริโภคในปท.
• หุ้นเด่น พ.ค. (Smart Tactics) BCH, EASTW, HMPRO, JWD, SCGP, STGT, TVO
ข่าวเด่น