สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -0.59 จุด ขาดปัจจัยใหม่ขับเคลื่อน, เงินนอกเป็นลบ
SET แกว่งไซด์เวย์ +/- ในกรอบ 1547-59 ขาดปัจจัยใหม่หนุน นอกจากสถานการณ์ระบาดในปท.ที่ยังไม่ดีขึ้น ยังมีการพบสายพันธุ์อินเดียและแอฟริกาด้วย ขณะที่เงินทุนตปท.ยังเป็นลบจาก MSCI ลดน้ำหนักหุ้นไทยลง 0.1% เป็น 1.73% มีผล 27 พ.ค. ต่างชาติขายสุทธิ 2.01 พันลบ.11 วันติด และ Short S50 Futures 4,714 สัญญา 3 วันติด
ทิศทางตลาดวันนี้ : ฟื้นตัวตามหุ้นโลกและราคาน้ำมัน คาดหวังการเปิดศก.
หุ้นโลกเมื่อวาน (24 พ.ค.) ปรับขึ้นกันถ้วนหน้า จากการฟื้นตัวของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดศก. เช่น หุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจำนวนผู้ติดเชื้อฯ ในสหรัฐฯ ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ มิ.ย. ปีที่แล้ว นอกจากนี้ หุ้นเทคโนโลยียังได้แรงหนุนจากราคา Bitcoin ที่ฟื้นตัวขึ้นประมาณ +17% จากวันอาทิตย์ที่อยู่ต่ำกว่า 32,000$ เป็น 39,000$ ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น +2.47$ ปิดที่ 66.05$/บาร์เรล ขานรับ Goldman Sachs คาดราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อแม้มีอุปทานน้ำมันจากอิหร่านก็ตาม โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์เพิ่มขึ้นทั่วโลกจากการฉีดวัคซีนเป็นวงกว้าง มอง SET มีโอกาสปรับขึ้นหลังสร้างฐานยืนเหนือบริเวณ 1550 คาดจะได้แรงหนุนจากบรรยากาศหุ้นโลกและราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น แต่เนื่องจากตลาดหุ้นภูมิภาค (ไทย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์) จะคาบเกี่ยวกับวันหยุดพรุ่งนี้ ขณะที่สถานการณ์ระบาดภายในปท.ยังไม่ดีขึ้น และเงินทุนตปท.ยังเป็นลบจาก MSCI ลดน้ำหนักหุ้นไทยลง 0.1% เป็น 1.73% มีผล 27 พ.ค. อาจจำกัดกรอบการฟื้นตัวของ SET ให้ขยับขึ้นได้ไม่มาก วันนี้ติดตามการประชุมครม.และตัวเลขการค้าของไทยใน เม.ย. แนวรับ 1545-50 แนวต้าน 1560, 1565
กลยุทธ์การลงทุน : รับความเสี่ยงได้สูง แนะเทรดดิ้งสั้น ลงซื้อ-ขึ้นขาย, เน้นตั้งรับ
มอง SET ยังอยู่ในช่วงการปรับฐาน แนะใช้กรอบ SET 1530-1570 ในการเทรดดิ้งสั้น ลงซื้อ-ขึ้น หาก SET ปิดต่ำกว่า 1550 จะเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ดี แต่หากทะลุ 1570 จะเริ่มดูดีมากขึ้น / พอร์ตลงทุน อ่อนตัวหาจังหวะสะสม
• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick TPIPL – จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารยังยืนยันมุมมองเชิงบวกของเราอยู่จากความต้องการจีนแข็งแกร่งช่วยหนุนส่วนต่างปิโตรเคมีอยู่ในระดับสูง ขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์ยังเติบโตได้เล็กน้อยจากงานภาครัฐที่เร่งตัวขึ้นและแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่คาดจะช่วยลดต้นทุนลงได้ 150-200 บ./ตัน ซึ่งจะเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปีนี้, ปรับเป้าพื้นฐานขึ้นจาก 2.4 เป็น 2.68 บ. เนื่องจากประเมินความเสียหายสูงสุดในคดีความฟ้องร้องฯ ลดลงจากเดิม 6.3 พันลบ. เป็นประมาณ 1 พันลบ.เท่านั้น / หุ้นที่กำไรดีกว่าคาด ตลาดมีโอกาสปรับประมาณการขึ้น เด่น AP, BANPU, BCP, EASTW, KCE, SAT, SCC, TOA, TVO / ผลทบทวนดัชนี MSCI มีผล 27 พ.ค. Global Standard เข้า 2 ตัว – CBG, SCGP ออก 2 ตัว – KBANK-F, DTAC / Small Cap เข้า 8 ตัว – ACE, PSL, RCL, SCCC, SINGER, SYNEX, TTA, TOA ไม่มีออก / ผลทบทวนดัชนี FTSE มีผล 18 มิ.ย. Large Cap – เข้า OR, SCGP ไม่มีออก / Mid Cap – ไม่มีเข้าและออก / Small Cap – เข้า KEX ออก THAI / Micro Cap – เข้า JR, NEX, NRF, RT, SA, SO ไม่มีออก/ หุ้นคาดเข้า SET50 – เบื้องต้น IRPC, STGT, STA / หุ้นคาดกำไรดีต่อเนื่องในครี่งปีหลัง แนะหาจังหวะซื้อสะสม – BCH, BEC, EASTW, COM7, III, JWD, KCE, PTTGC, RS, SCGP, STEC / หุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากการระบาด – STGT, STA, SYNEX, COM7, HANA, KCE ขณะที่หุ้นเสียประโยชน์ คือ หุ้นท่องเที่ยวและการบริโภคในปท.
• หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ (Stock Focus) OSP, RS
• หุ้นเด่น พ.ค. (Smart Tactics) BCH, EASTW, HMPRO, JWD, SCGP, STGT, TVO
ข่าวเด่น