ไทยออยล์ วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน ประจำวันที่ 17 ส.ค. ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนปรับตัวลดลงต่ำกว่าการคาดการณ์
- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศจีน หลังรัฐบาลประกาศตัวเลขผลผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศเติบโตเพียง 6.4% ในเดือน ก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดจะสามารถเติบโตได้ 7.8% ขณะที่ตัวเลขดัชนียอดค้าปลีกในเดือน ก.ค. เติบโต 8.5% ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่สามารถเติบโตได้ 12.1% ส่งผลกดดันต่อความต้องการใช้น้ำมัน
- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหิน (Shale Production) ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 1 ปี จากจำนวนแท่นขุดเจาะที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ระดับการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินสหรัฐฯ จะสามารถเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับราว 8.1 ล้านบาร์เรลต่อวันได้ภายในเดือน ก.ย.64
+ อย่างไรก็ตาม ความกังวลต่ออุปทานที่เพิ่มมากขึ้นจากที่ก่อนหน้านี้ นายโจ ไบเดนได้มีการเรียกร้องให้กลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นคลี่คลายลง หลังทางกลุ่มส่งสัญญาณไม่ปรับเพิ่มกำลังการผลิตตามคำเรียกร้อง โดยทางกลุ่มเชื่อมั่นว่าระดับอุปทานตามแผนการผลิตเดิมจะสมดุลต่อความต้องการใช้ของตลาด
ราคาน้ำมันดิบ
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 16 ส.ค.64 เปลี่ยนแปลง
เวสต์เท็กซัส 67.29 -1.15
เบรนท์ 7069.51 -1.08
ดูไบ 69.05 -1.17
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปประเทศสิงคโปร์
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 16 ส.ค.64 เปลี่ยนแปลง
เบนซินออกเทน 80.87 -1.55
น้ำมันก๊าดและอากาศยาน 72.96 -1.20
ดีเซลหมุนเร็ว (0.05% S) 72.44 -1.45
น้ำมันเตา (3.5% S) 62.94 -1.42
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19ระลอกใหม่ในประเทศจีน ขณะที่โรงกลั่นในเวียดนามมีการส่งออกน้ำมันเบนซินมากขึ้นในเดือน ส.ค. สะท้อนถึงความต้องการใช้ในประเทศที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดกังวลต่ออุปทานจากการส่งออกน้ำมันดีเซลจากเกาหลีใต้ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงถูกกดดันจากการล็อคดาวน์ในหลายประเทศ
ข่าวเด่น