ไทยออยล์ วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน ประจำวันที่ 18 ส.ค. ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังหลายประเทศขยายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลกดดันความต้องการใช้น้ำมัน
- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาทั่วโลกยังคงรุนแรงต่อเนื่อง ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาหลายประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ ประกาศขยายระยะเวลาหรือกลับมาบังคับใช้มาตรการจำกัดการเดินทางอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
- กำลังการกลั่นน้ำมันดิบของจีนในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 13.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำที่สุดในรอบ 14 เดือน โดยมีสาเหตุหลักจากการลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นขนาดเล็ก (independent/teapot) ในประเทศ หลังปริมาณสต็อกน้ำมันอยู่ในระดับสูงและผลกำไรปรับตัวลดลง โดยนักวิเคราะห์คาดว่ากำลังการผลิตในเดือน ส.ค. อาจปรับตัวลดลงเพิ่มเติม หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนมีความรุนแรงมากขึ้น
+ หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ส.ค. 64 ปรับตัวลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 437.6 ล้านบาร์เรล ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เล็กน้อยว่าจะปรับตัวลดลงราว 1.1 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบ
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 17 ส.ค.64 เปลี่ยนแปลง
เวสต์เท็กซัส 66.59 -0.70
เบรนท์ 69.03 -0.48
ดูไบ 68.61 -0.44
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปประเทศสิงคโปร์
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 17 ส.ค.64 เปลี่ยนแปลง
เบนซินออกเทน 79.80 -1.07
น้ำมันก๊าดและอากาศยาน 72.57 -0.39
ดีเซลหมุนเร็ว (0.05% S) 71.86 -0.58/
น้ำมันเตา (3.5% S) 62.57 -0.37
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินยังคงได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในภูมิภาค นอกจากนี้ อุปทานในน้ำมันเบนซินในภูมิภาคยังปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังโรงกลั่นในญี่ปุ่นเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้งหลังจากปิดซ่อมบำรุงในช่วงก่อนหน้า
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคยังคงได้รับแรงหนุนจากปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากประเทศเวียดนาม หลังความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในเวียดนามได้รับแรงกดดันจากการขยายมาตรการล็อกดาวน์
ข่าวเด่น