ไทยออยล์ วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน ประจำวันที่ 17 ก.ย. ราคาน้ำมันดิบคงที่ จากการผลิตน้ำมันที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังพายุโซนร้อนนิโคลัสเคลื่อนผ่านไป ในขณะที่เบรนท์ปรับเพิ่ม
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสคงที่ หลังกำลังการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนนิโคลัส เริ่มฟื้นตัว โดยบริษัทพลังงานหลายแห่งในรัฐเท็กซัส สามารถกลับมาดำเนินการบริการท่อส่งน้ำมันและไฟฟ้าได้อีกครั้ง หลังจากพายุเคลื่อนผ่านเท็กซัสไปแล้ว ทำให้สามารถเร่งดำเนินการซ่อมแซมส่วนที่เกิดความเสียหายจากพายุเฮอริเคนไอดาเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
+ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) และ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในไตรมาส 2 ของปีหน้า ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปี 62 ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
+ ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากราคาพลังงานและเชื้อเพลิงในทวีปยุโรปที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณก๊าซคงคลังอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งอุปทานจากรัสเซียที่ลดลงต่ำกว่าปกติ เนื่องจากอุปสงค์ทางฝั่งเอเซียที่เพิ่มสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันมาตรฐานยุโรป (Dutch TTF) เพิ่มขึ้นมากกว่า 250% ตั้งแต่เดือนมกราคม
ราคาน้ำมันดิบ
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 16 ก.ย. 64 เปลี่ยนแปลง
เวสต์เท็กซัส 72.61 +0.00
เบรนท์ 75.67 +0.21
ดูไบ 73.22 +0.87
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปประเทศสิงคโปร์
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 16 ก.ย.64 เปลี่ยนแปลง
เบนซินออกเทน 84.72 +0.58
น้ำมันก๊าดและอากาศยาน 79.82 +1.17
ดีเซลหมุนเร็ว (0.05% S) 79.75 +1.28
น้ำมันเตา (3.5% S) 75.31 +1.83
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ถูกกดดันจากอุปสงค์ที่ลดลงของญี่ปุ่น หลังขยายมาตรการล็อคดาวน์ที่โตเกียวและพื้นที่ส่วนใหญ่ในประเทศไปจนถึง 30 ก.ย. 64 เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าเพิ่มสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความคาดหวังว่าอุปสงค์จะเพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศ โดยหลายๆประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินเดียและฟิลิปปินส์ เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ข่าวเด่น