ไทยออยล์ วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน ประจำวันที่ 6 ต.ค. ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อ ตอบรับการคงมติการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาเวสต์เท็กซัสปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 57 ขณะที่ ราคาเบรนท์ขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี หลังตลาดน้ำมันมีแนวโน้มอยู่ในภาวะตึงตัวมากขึ้นจากผลการประชุมของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร (โอเปกพลัส) ที่จะยังคงปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพียง 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ในเดือน พ.ย.64 ตามแผนเดิมที่ได้วางไว้ก่อนหน้า แม้ว่าผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ เช่น สหรัฐฯ และอินเดีย จะออกมาเรียกร้องให้กลุ่มโอเปกพลัส ปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นกว่าแผนที่วางไว้ โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มโอเปกพลัส คาดว่าภาพรวมปี 64 การผลิตน้ำมันดิบจะขาดดุลจากความต้องการใช้ราว 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 ต.ค. 64 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.95 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 419.45 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลงราว 0.4 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบ
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 5 ต.ค. 64 เปลี่ยนแปลง
เวสต์เท็กซัส 78.93 +1.31
เบรนท์ 82.56 +1.30
ดูไบ 79.66 +2.36
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปประเทศสิงคโปร์
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 5 ต.ค.64 เปลี่ยนแปลง
เบนซินออกเทน 92.62 +2.83
น้ำมันก๊าดและอากาศยาน 90.90 +2.96
ดีเซลหมุนเร็ว (0.05% S) 90.43 +2.91
น้ำมันเตา (3.5% S) 79.47 +3.09
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในภูมิภาคเอเชียได้รับแรงหนุนจากวันหยุดยาวประจำปีของจีน (Golden Week) ขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศอื่นๆ ยังคงฟื้นตัวตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคที่อยู่ในระดับต่ำ จากปริมาณการส่งออกของผู้ผลิตในจีนและเอเชียเหนือที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ความต้องการใช้ยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ข่าวเด่น