ไทยออยล์ วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน ประจำวันที่ 11 ต.ค. ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังตลาดกังวลวิกฤตพลังงานขาดแคลน จะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีสำหรับน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและในรอบ 3 ปี สำหรับน้ำมันดิบเบรนท์ หลังตลาดกังวลวิกฤตพลังงานขาดแคลนทั่วโลกจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น จากการใช้น้ำมันทดแทนก๊าซธรรมชาติและถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินอยู่ในระดับสูง ขณะที่อุปทานจากกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มขึ้นในระดับจำกัดที่เพียง 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวันเท่านั้น
+ สหรัฐฯ ยังคงไม่มีการออกมาตรการเพื่อสกัดราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันเบนซินล่าสุดเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี ปัจจุบันสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาใช้มาตรการต่างๆ อาทิเช่น การปล่อยน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) และการระงับการส่งออกน้ำมันดิบ ในการควบคุมราคาที่สูงขึ้น แต่ยังไม่มีการประกาศบังคับใช้
- การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตเพิ่มการขุดเจาะขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ต.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 433 แท่น ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่ เม.ย. 63
ราคาน้ำมันดิบ
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 8 ต.ค. 64 เปลี่ยนแปลง
เวสต์เท็กซัส 79.35 +1.05
เบรนท์ 82.39 +0.44
ดูไบ 81.35 +3.76
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปประเทศสิงคโปร์
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 8 ต.ค.64 เปลี่ยนแปลง
เบนซินออกเทน 94.84 +4.25
น้ำมันก๊าดและอากาศยาน 92.49 +4.60
ดีเซลหมุนเร็ว (0.05% S) 92.67 +4.79
น้ำมันเตา (3.5% S) 80.82 +2.27
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอินเดียและอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังที่สิงคโปร์ ที่ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปทานในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะจากจีน นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่สิงคโปร์ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์
ข่าวเด่น