ไทยออยล์ วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน ประจำวันที่ 9 พ.ย. ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม ได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังสภาคองเกรสสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากที่การโหวตร่างกฎหมายได้ถูกเลื่อนมาแล้วหลายครั้ง โดยการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวจะสามารถช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสนับสนุนความต้องการใช้น้ำมัน
+ ความต้องการใช้น้ำมันได้รับแรงหนุน หลังสหรัฐฯ เปิดพรมแดนระหว่างประเทศรับชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเป็นวันแรก เมื่อวันที่ 8 พ.ย.64 ส่งผลให้กิจกรรมการเดินทางในประเทศปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ มีการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศมามากกว่า 18 เดือน
- อย่างไรก็ตาม อุปทานมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หลังเลขานุการด้านพลังงานสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ อาจพิจารณาปล่อยน้ำมันดิบจากคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อผ่อนคลายราคาน้ำมันที่ยังคงในอยู่ระดับสูง หลังกลุ่มโอเปกและพันธมิตรมีมติเพิ่มกำลังการผลิตเพียง 400,000 บาร์เรลต่อวัน แม้ว่าหลายประเทศมีการเรียกร้องให้เพิ่มกำลังการผลิตมากกว่านี้
ราคาน้ำมันดิบ 82.13 -0.56
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 8 พ.ย. 64 เปลี่ยนแปลง
เวสต์เท็กซัส 8181.93 +0.66
เบรนท์ 83.43 +0.69
ดูไบ 82.08 +2.46
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปประเทศสิงคโปร์
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 8 พ.ย.64 เปลี่ยนแปลง
เบนซินออกเทน 100.29 +2.18
น้ำมันก๊าดและอากาศยาน 93.04 +2.41
ดีเซลหมุนเร็ว (0.05% S) 95.07 +2.67
น้ำมันเตา (3.5% S) 73.43 +2.47
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานปรับเพิ่มจากอัตราการดำเนินโรงกลั่นในเอเชียที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินเดีย ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในภูมิภาคยังคงได้รับแรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางในหลายประเทศ
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับลดปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลจากโรงกลั่นในประเทศจีน ขณะที่อุปสงค์ในออสเตรเลียปรับเพิ่มจากภาคอุตสาหกรรมที่กลับมาดำเนินการต่อหลังจากมีการเปิดประเทศมากขึ้น
ข่าวเด่น