ไทยออยล์ วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน ประจำวันที่ 10 พ.ย. ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยความต้องการใช้ในสหรัฐฯ ได้รับแรงหนุนจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วโดยไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.64 เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน อินเดียรายงานความต้องการใช้น้ำมันในเดือน ต.ค. 64 แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน โดยความต้องการใช้น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นต่อเนื่อง
+ นักวิเคราะห์คาดว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ลดแนวโน้มที่อาจปล่อยน้ำมันสำรองเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) เข้าสู่ตลาดเพื่อบรรเทาสถานการณ์ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ว่าราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ จะทยอยปรับตัวลดลงในช่วงเดือน ธ.ค. 64 และไตรมาสแรกของปี 65
+ หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 พ.ย. 64 ปรับตัวลดลง 4.5 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 429.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบ 82.13 -0.56
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 9 พ.ย. 64 เปลี่ยนแปลง
เวสต์เท็กซัส 84.15 +2.22
เบรนท์ 84.78 +1.35
ดูไบ 82.36 +0.29
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปประเทศสิงคโปร์
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 9 พ.ย.64 เปลี่ยนแปลง
เบนซินออกเทน 100.00 -0.29
น้ำมันก๊าดและอากาศยาน 93.57 +0.53
ดีเซลหมุนเร็ว (0.05% S) 95.53 +0.46
น้ำมันเตา (3.5% S) 72.94 -0.49
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังยังคงได้รับแรงกดดันจากอุปทานน้ำมันเบนซินในภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากอินเดียและจีน อย่างไรก็ดี ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในเอเชียฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียใต้
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคเอเชียฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้น ส่งผลให้มีการคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในหลายประเทศ
ข่าวเด่น