ไทยออยล์ วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน ประจำวันที่ 13 ม.ค. ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ลดลงแตะดับต่ำสุดตั้งแต่ ต.ค. 61
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 61 โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ม.ค. 65 ปรับตัวลดลงกว่า 4.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 413.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลงราว 1.9 ล้านบาร์เรล
+ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ หลังตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนถึงภาวะเงินเฟ้อ ปรับตัวสูงที่สุดในรอบ 40 ปี ส่งผลให้ตลาดน้ำมันมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นสำหรับนักลงทุน เนื่องจากราคาน้ำมันจะมีราคาที่น่าดึงดูดใจมากขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
+ หลายประเทศสมาชิกในกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร (OPEC+) ยังคงประสบปัญหาในการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบให้ได้ตามเป้าหมายของแต่ละประเทศ ส่งผลให้โดยรวมกลุ่ม OPEC+ ยังคงลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบกว่า 3 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับกำลังการผลิตทั้งหมด
ราคาน้ำมันดิบ
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 12 ม.ค.65 เปลี่ยนแปลง
เวสต์เท็กซัส 82.64 +1.42
เบรนท์ 84.67 +0.95
ดูไบ 82.40 +2.27
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปประเทศสิงคโปร์
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 12 ม.ค.65 เปลี่ยนแปลง
เบนซินออกเทน 96.01 +2.19
น้ำมันก๊าดและอากาศยาน 95.17 +2.84
ดีเซลหมุนเร็ว (0.05% S) 96.36 +2.81
น้ำมันเตา (3.5% S) 73.83 +1.87
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าปรับตัวสูงขึ้น 3 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคเอเชียยังคงฟื้นตัวได้ดี แม้จะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ข่าวเด่น