ไทยออยล์ วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน ประจำวันที่ 7 ก.พ. ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี หลังกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวต่อเนื่อง
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีและนับเป็นการเป็นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกว่า 7 สัปดาห์ติดต่อกัน หลังตลาดกังวลปริมาณน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัว หลังสหรัฐฯ คาดจะเผชิญกับอากาศที่หนาวเย็นจากพายุฤดูหนาวในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบ ทั้งนี้ล่าสุด มีผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ บางส่วนเท่านั้นที่มีการหยุดผลิตไป
+ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและกลุ่มประเทศตะวันตกเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ยูเครนยังคงไร้ข้อสรุป ซึ่งสร้างความกังวลว่าหากมีการใช้กองกำลังทหารอาจจะส่งผลกระทบอุปทานน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในยุโรปได้ โดยล่าสุดทั้งสองฝ่าย นำโดยสหรัฐฯ และรัสเซียได้มีการส่งกองกำลังทหารไว้รอบบริเวณประเทศยูเครน
- ปริมาณการขุดเจาะน้ำมับดิบของสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน หลังราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น 2 แท่นจากสัปดาห์ก่อนหน้ามาแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี อย่างไรก็ตาม ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำหากเทียบกับระดับก่อนเกิดวิกฤตโควิต
ราคาน้ำมันดิบ
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 4 ก.พ.65 เปลี่ยนแปลง
เวสต์เท็กซัส 93.31 +2.04
เบรนท์ 93.27 +2.16
ดูไบ 90.41 +2.85
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปประเทศสิงคโปร์
เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 4 ก.พ.65 เปลี่ยนแปลง
เบนซินออกเทน 107.69 +1.30
น้ำมันก๊าดและอากาศยาน 105.60 +2.91
ดีเซลหมุนเร็ว (0.05% S) 107.55 +2.70
น้ำมันเตา (3.5% S) 82.53 +1.88
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากอินโดนีเซีย
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากการส่งออกของอินเดียที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์
ข่าวเด่น