ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 มี.ค.65) ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกตลาด โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิด บวก 518.76 จุด ที่ระดับ 34,063.10 จุด หรือเพิ่มขึ้น 1.55%, ดัชนี S&P500 ปิด บวก 95.41 จุด ที่ระดับ 4,357.86 จุด หรือเพิ่มขึ้น 2.24% และดัชนี Nasdaq ปิด บวก 487.93 จุด ที่ระดับ 13,436.55 จุด หรือเพิ่มขึ้น 3.77% เนื่องจากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแค่ 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.25-0.50% โดยเฟดระบุว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน และการระบาดของไวรัสโควิด-19 สร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจสหรัฐและทำให้อัตราเงินเฟ้อเผชิญกับแรงกดดันจนอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงได้ จึงจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น โดยภายในปีนี้เฟดอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 6 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.75-2.00% ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับภาวะความตึงเครียดในยูเครนมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้น จึงส่งผลต่อจิตวิทยาของตลาด จากการที่ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียและยูเครนใกล้จะบรรลุข้อตกลงบางส่วนในการเจรจาสันติภาพ หลังยูเครนยอมตกลงพูดคุยเกี่ยวกับสถานะประเทศเป็นกลางขณะที่ นายมิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ระบุว่า ผู้นำของรัสเซียและยูเครนอาจมีการเจรจาร่วมกันอีกเร็วๆนี้
ข่าวเด่น