ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดตลาดเมื่อคืน (12 พ.ค.65) ยังคงผันผวนถูกกดดันจากปัจจัยเดิมเรื่องปัญหาเงินเฟ้อสหรัฐพุ่ง โดยดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 6 อยู่ที่ระดับ 31,730.30 จุด ลบ 103.81 จุด หรือลดลง 0.33% และดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับ 3,930.08 จุด ลบ 5.10 จุด หรือ ลดลง 0.13% แต่ดัชนี Nasdaq สามารถปิดในแดนบวกได้ ที่ระดับ 11,370.96 จุด บวก 6.73 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.06%
ดัชนีดาวโจนส์ ที่ยังคงปิดตลาดในแดนลบ เป็นผลจากเงินเฟ้อสหรัฐที่สูงขึ้นกว่าการคาดการณ์ ที่อาจเป็นเหตุผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมที่จะมีขึ้นในเดือน มิ.ย.และ ก.ค.นี้ ในระดับที่สูงขึ้น 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้จากความกังวลของนักลงทุนดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มอุปโภค-บริโภค ลดลง โดยราคาหุ้นของ พีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น ลดลง 3.74% และราคานเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น ลดลง 3.03% อย่างไรก็ตามราคาหุ้นของกลุ่มเทคโนโลยีกลับปรับเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 4.77% และหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส เพิ่มขึ้น 1.32% โดยมีเพียง Apple Inc. ที่ลดลง 2.69%
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังถูกกระทบจากปัจจัยลบที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว (2-8 พ.ค.2565) ที่ระดับ 203,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ ระดับ 195,000 ราย และเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
ข่าวเด่น