ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมา (11 ก.ค.65) ร่วงลงทุกตลาด โดยดัชนีดาวโจนส์ อยู่ที่ระดับ 31,173.84 จุด ลบ 164.31 จุด หรือลดลง 0.52%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับ 3,854.43 จุด ลบ 44.95 จุด หรือลดลง 1.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับ 11,372.60 จุด ลบ 262.71 จุด หรือลดลง 2.26%
เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขาย เพื่อรอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้ รวมถึงการเปิดเผยผลประกอบการของธนาคารใหญ่ของสหรัฐ 4 แห่ง อาทิ ซิตี้กรุ๊ป, เวลส์ ฟาร์โก ,แบงก์ ออฟ อเมริกา, และโกลด์แมน แซคส์ ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
โดยนักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า ธนาคารชั้นนำของสหรัฐฯจะมีตัวเลขผลกำไรลดลง เนื่องจากธนาคารต่างๆ ต้องเพิ่มการกันสำรองหนี้สูญ ซึ่งเป็นกฎระเบียบที่ถูกบังคับใช้ในเดือนม.ค. 2020 โดยคาดว่า ธนาคารใหญ่ทั้ง 4 แห่งของสหรัฐฯ จะต้องกันสำรองหนี้สูญรวมกันเป็นเงิน 3.5 พันล้านดอลลาร์
จากความวิตกดังกล่าว ทำให้หุ้นในกลุ่มธนาคารปรับตัวลดลง โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ลดลง 1.25% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ลดลง 1.08% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ลดลง 1.30% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 1.11% ขณะที่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ก็ปรับลดลงเช่นเดียวกัน โดยหุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ร่วงลง 4.68% หุ้นแอปเปิล ลดลง 1.48% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 5.15% และหุ้นทวิตเตอร์ลดลง 11.40%
ข่าวเด่น