ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (12 ก.ค.2565) ร่วงลงทุกตลาด โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 30,981.33 จุด ลบ 192.51 จุด หรือลดลง 0.62%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,818.80 จุด ลบ 35.63 จุด หรือลดลง 0.92% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,264.73 จุด ลบ 107.87 จุด หรือลดลง 0.95%
เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.2% ในไตรมาส 2 จากเดิมที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.9% โดยแม้ว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 2 หดตัวน้อยกว่าไตรมาส 1 ซึ่งหดตัวลง 1.6% แต่การที่เศรษฐกิจหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาสนั้น ถือว่าเข้าเกณฑ์การเกิดภาวะถดถอยแล้ว
นอกจากนี้ ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve เมื่อคืนนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขาย เพื่อรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมิ.ย.ในวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI จะพุ่งขึ้น 8.8% สูงกว่าระดับ 8.6% ของเดือนพ.ค. โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค และเป็นหนึ่งในข้อมูลเงินเฟ้อที่เฟดจับตา
รวมถึงนักลงทุนจับตาผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ โดย เจพีมอร์แกน และมอร์แกน สแตนลีย์ จะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในวันที่ 14 ก.ค. ขณะที่ ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะรายงานในวันที่ 15 ก.ค. ส่วนแบงก์ ออฟ อเมริกา และโกลด์แมน แซคส์ จะรายงานในวันที่ 18 ก.ค.
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Refinitiv I/B/E/S ระบุว่า กำไรในไตรมาส 2 ของเจพีมอร์แกน เชส มีแนวโน้มลดลง 25% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่กำไรของซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ลดลง 38%, เวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 42%, แบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 29%, โกลด์แมน แซคส์ทรุดตัวลง 51% และมอร์แกน สแตนลีย์ลดลง 17%
.jpg)
ข่าวเด่น