ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดตลาดเมื่อคืน (18 ก.ค.2565) ร่วงลงทุกตลาด โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 31,072.61 จุด ร่วง 215.65 จุด หรือลดลง 0.69%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,830.85 จุด ลบ 32.31 จุด หรือลดลง 0.84% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,360.05 จุด ลบ 92.37 จุด หรือลดลง 0.81%
เนื่องจากตลาดถูกกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นแอปเปิลที่ลดลง 2.06% หลังจาก แอปเปิล บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า จะชะลอการจ้างงานและการใช้จ่ายในปี 2023 เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งความเคลื่อนไหวของแอปเปิล เป็นไปในทิศทางเดียวกับเมตา แพลตฟอร์มส์ และเทสลา ที่ออกมาเปิดเผยว่าจะชะลอการจ้างงานเช่นเดียวกัน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้
นอกจากหุ้นแอปเปิลจะลดลงแล้ว หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ราคาก็ปรับลดลงด้วย อาทิ หุ้นไอบีเอ็ม ลดลง 1.28% และหุ้นอัลฟาเบท ลดลง 2.46%
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานกลับปรับเพิ่มขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบสัญญาเวสตเท็กซัส (WTI) ได้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 99 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาหุ้นของ เอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 1.85% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.4% หุ้นไดมอนด์แบค เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 3.1%
ทั้งนี้ข่าวการชะลอการจ้างงานและการใช้จ่ายในปีหน้าของบริษัทแอปเปิล จนทำให้ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตก ได้บดบังปัจจัยบวกจากการรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทโกลด์แมน แซคส์ที่เปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 7.73 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.58 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจซื้อขายพันธบัตรที่แข็งแกร่ง จนทำให้หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.51%
นักลงทุนยังคงจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ทั้ง จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน,อินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส คอร์ป, เน็ตฟลิกซ์, เทสลา, ทวิตเตอร์, ยูไนเต็ด แอร์ไลน์,ล็อกฮีด มาร์ติน
ข่าวเด่น