ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (17 ส.ค.65) ร่วงลงทุกตลาด โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 33,980.32 จุด ลดลง 171.69 จุด หรือ -0.50%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,274.04 จุด ลดลง 31.16 จุด หรือ -0.72% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,938.12 จุด ลดลง 164.43 จุด หรือ -1.25% หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 ก.ค.ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงที่สุดเท่าที่จำเป็น จนกว่าจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ แต่ในขณะเดียวกัน เฟดก็ส่งสัญญาณว่าอาจจะชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยตระหนักว่าเศรษฐกิจของสหรัฐในขณะนี้มีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง
โดย ปีเตอร์ คาร์ดิลโล นักวิเคราะห์จากบริษัทสปาร์ตัน แคปิตอล ซิเคียวริตีส์กล่าวว่า “เฟดยังคงมีจุดยืนในการดำเนินนโยบายการเงินแบบสายเหยี่ยว (Hawkish) แต่ในขณะเดียวกันเฟดก็เปิดประตูให้กับโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย. มากกว่าที่จะปรับขึ้นรุนแรงถึง 0.75%”
ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2565 ทรุดตัวลงเกือบ 90% สู่ระดับ 183 ล้านดอลลาร์ หรือ 39 เซนต์/หุ้น จากระดับ 1.82 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.65 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 72 เซนต์/หุ้น เนื่องจากบริษัทต้องปรับลดราคาสินค้าเพื่อระบายสต็อกจำนวนมากที่ยังคงอยู่ในคลังสินค้า
ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของทาร์เก็ตได้ฉุดกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วย โดยหุ้นทาร์เก็ต ร่วงลง 2.72% หุ้นโฮม ดีโปท์ ปรับตัวลง 0.55% หุ้นเบสท์ บาย ดิ่งลง 3.17% หุ้นนอร์ดสตรอม ร่วงลง 3.97% หุ้นไฟฟ์ บีโลว์ (Five Below) ร่วงลง 2.31%
ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.77% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 1.85% ไมโครซอฟท์ ลดลง 0.26% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ร่วงลง 2.57% หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 1.85%
ข่าวเด่น