ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (31 ส.ค.65) ร่วงลงทุกตลาด โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 31,510.43 จุด ลดลง 280.44 จุด หรือ -0.88% ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับ 3,955.00 จุด ลดลง 31.16 จุด หรือ -0.78% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับ 11,816.20 จุด ลดลง 66.93 จุด หรือ -0.56%
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดในแดนลบ เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้กลับมาอยู่ในระดับเป้าหมายที่ 2% หลัง นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้อยู่เหนือระดับ 4% ภายในปี 2023 รวมถึงคงอัตราดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัว นอกจากนี้ยังได้ส่งสัญญานว่าเฟดจะยังไม่ลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้า
ความวิตกของนักลงทุนดังกล่าวได้ทำให้หุ้นทุกกลุ่มปรับลดลง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หลัง ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (HP) ปรับลดคาดการณ์ ผลประกอบการปี 2022 และเตือนว่ายอดขายคอมพิวเตอร์พีซี มีแนวโน้มลดลงในปีนี้ ทำให้ราคาหุ้นของ HP ลดลง 7.68% หุ้นแอปเปิล ลดลง 1.06% หุ้นไอบีเอ็ม ลดลง 0.9% และหุ้นอินเทล ลดลง 1.05%
นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มพลังงานได้ปรับลดลงเช่นเดียวกัน หลังราคาน้ำมันดิบสัญญาเวสต์เท็กซัส (WTI) ลดลงต่ำกว่าระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยราคาหุ้นของโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 0.96% หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ลดลง 1.4% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.58%
นักลงทุนจับตาไปที่การเปิดตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯประจำเดือน ส.ค.ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ (2 ส.ค.) โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้น 300,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าตัวเลขในเดือน ก.ค.ที่เพิ่มขึ้น 528,000 ตำแหน่ง
ข่าวเด่น