ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืน (13 ก.ย.65) ร่วงลงแรงทุกตลาดโดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 31,104.97 จุด ร่วง 1,276.37 จุด หรือลดลง 3.94% ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับ 3,932.69 จุด ลบ 177.72 จุด หรือลดลง 4.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับ 11,633.57 จุด ลบ 632.84 จุด หรือลดลง 5.16%
เนื่องจากการประกาศของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯที่เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อประจำเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ลดลงจากตัวเลขในเดือนก.ค.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 8.5% แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1%
โดยตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน ส.ค.บ่งชี้ว่าสหรัฐยังคงเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อที่รุนแรง และผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ทำให้นักลงทุนวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และทำให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่่ 20 - 21 ก.ย.นี้
ทั้งนี้ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อดังกล่าวได้ทำให้หุ้นทุกกลุ่มปรับลดลง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี โดยราคาหุ้นแอปเปิล ลดลง 5.87% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ลดลง 9.37% หุ้นแอมะซอน ลดลง 7.067% และหุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 5.5%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ ทั้งดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค. ยอดค้าปลีกประจำเดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้น เดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ข่าวเด่น