ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืนนี้ (14 ก.ย.65) กลับมายืนได้ในแดนบวก โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 31,135.09 จุด เพิ่มขึ้น 30.12 จุด หรือ + 0.10%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,946.01 จุด เพิ่มขึ้น 13.32 จุด หรือ +0.34% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,719.68 จุด เพิ่มขึ้น 86.10 จุด หรือ +0.74% เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อหุ้นหลังจากกระหน่ำขายออกมาอย่างหนักในวันก่อนหน้า
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PPI ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยลดลง 0.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากปรับตัวลง 0.4% ในเดือนก.ค. ซึ่งนายไรอัน เดทริค นักวิเคราะห์บริษัทคาร์สัน กรุ๊ป กล่าวว่าการชะลอตัวของดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเงินเฟ้อในสหรัฐ หลังจากมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่พุ่งขึ้นสูงกว่าคาดและส่งผลให้ตลาดเริ่มคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 1.00% ในการประชุมเดือนนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 36% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% สู่ระดับ 3.25-3.50% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนัก 64% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนไม่เคยให้น้ำหนักว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมเดือนก.ย. และเพิ่งเริ่มให้น้ำหนักเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI เดือนส.ค.พุ่งขึ้น 8.3% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1% โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ข่าวเด่น