ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงและเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market) แล้วในวันจันทร์ (26 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,260.81 จุด ร่วงลง 329.60 จุด หรือ -1.11%,
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,655.04 จุด ลดลง 38.19 จุด หรือ -1.03% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,802.92 จุด ลดลง 65.00 จุด หรือ -0.60%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการที่เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. และปรับขึ้นอีก 0.50% ในเดือนธ.ค. ซึ่งหากเป็นไปตามคาด ก็จะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันถึง 4 ครั้งในการประชุมเดือนมิ.ย.,ก.ค.,ก.ย.และพ.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความผันผวนในตลาดปริวรรตเงินตรา โดยดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังของรัฐบาลอังกฤษ
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์เข้าสู่ภาวะตลาดหมีแล้วในวันจันทร์ เนื่องจากดัชนีทรุดตัวลงกว่า 20% จากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ปีนี้ ซึ่งเข้าเกณฑ์คำนิยามภาวะตลาดหมี
ส่วนดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับ 32.88 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.
ข่าวเด่น