ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 700 จุดในวันจันทร์ (3 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคการผลิตที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,490.89 จุด พุ่งขึ้น 765.38 จุด หรือ +2.66%,
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,678.43 จุด เพิ่มขึ้น 92.81 จุด หรือ +2.59% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,815.43 จุด เพิ่มขึ้น 239.82 จุด หรือ +2.27%
ทั้งนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 50.9 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.3 จากระดับ 52.8 ในเดือนส.ค.โดยดัชนีภาคการผลิตได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อใหม่ที่หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลงเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนส.ค.โดยดิ่งลง 0.7% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.3% หลังจากลดลง 0.6% ในเดือนก.ค.
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นกว่า 5% ทั้งนี้ หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 7.11% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 7.37% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 5.48% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ทะยานขึ้น 5.16%
ข่าวเด่น