ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.65) ดัชนีปรับตัวลดลงทุกตลาด โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 29,210.85 จุด ลดลง 28.34 จุด หรือ -0.10%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,577.03 จุด ลดลง 11.81 จุด หรือ -0.33% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,417.10 จุด ลดลง 9.09 จุด หรือ -0.09% เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง และภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้นในเดือนก.ย. และการเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมาของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดเห็นพ้องกันที่จะยังคงดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่นักลงทุนวิตกว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของเฟดอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 8.5% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.4% จากระดับ 8.7% ในเดือนส.ค.
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 7.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.3% จากระดับ 7.2% ในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันหลังการเปิดเผยรายงานการประชุมเดือนก.ย.ของเฟดบ่งชี้ว่า กรรมการเฟดแสดงความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ระดับสูง และหลายรายวิตกว่าเฟดดำเนินการน้อยเกินไปในการควบคุมเงินเฟ้อ โดยในการประชุมเดือนก.ย. เฟดลงมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันเพื่อพยายามที่จะลดเงินเฟ้อลงจากระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
สัปดาห์นี้ นักลงทุนรอดูการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2565 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐด้วย ซึ่งจะเริ่มจากการเปิดเผยผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ (14 ต.ค.)
ข่าวเด่น