ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ค่าเงินบาทเปิดตลาด (26 ต.ค.65) แข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 38.05 บาทต่อดอลลาร์


ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันนี้ (26 ต.ค.65) ที่ระดับ 38.05 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 38.29 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ผู้เล่นในตลาดการเงินสหรัฐฯ เดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk-On) ท่ามกลางความหวังว่า เฟดอาจชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยได้ในช่วงปลายปี หลังจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด เริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการที่ลดลงต่อเนื่องต่ำกว่าระดับ 50 จุด รวมถึง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB Consumer Confidence) เดือนตุลาคมที่ลดลงแย่กว่าคาด นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาดยังได้ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น +1.63% ส่วนดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปิดตลาด +2.25% ตามแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคฯ หลังจากที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.09% ตามการปรับลดมุมมองการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของผู้เล่นในตลาด

 

ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +1.44% จากอานิสงส์ของรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในฝั่งยุโรปส่วนใหญ่ที่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth อาทิ Adyen +5.8%, ASML +3.8% เช่นเดียวกันกับในฝั่งสหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายกังวลแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังมีความเสี่ยงที่จะถูกกดดันจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจท่ามกลางแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อสูง ความเสี่ยงวิกฤตพลังงาน และการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาผลการประชุม ECB ในวันพฤหัสฯ นี้

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 110.95 จุด (-0.95%) ตามการเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาด ที่กดดันให้ผู้เล่นในตลาดทยอยลดการถือครองเงินดอลลาร์ลง นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันโดยการแข็งค่าขึ้นกว่า +1.2% ของเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) สู่ระดับ 1.146 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ท่ามกลางความหวังของผู้เล่นในตลาดว่า นายกฯ คนใหม่ของอังกฤษ นาย Rishi Sunak จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ทั้งนี้ การปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) รีบาวด์ขึ้น สู่ระดับ 1,655 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำอาจมีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้บ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ โดยเฉพาะแรงขายจากผู้เล่นที่เข้าซื้อทองคำในจังหวะที่ย่อตัวใกล้โซนแนวรับ 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในสัปดาห์ก่อนหน้า

 

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหากผลประกอบการส่วนใหญ่ยังคงออกมาดีกว่าคาด ก็จะสามารถช่วยหนุนบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ของตลาดการเงินได้

ส่วนในฝั่งไทย รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจจะอยู่ที่ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ (Trade Data) โดย ตลาดประเมินว่า ผลกระทบของการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกจะกดดันให้ยอดการส่งออกของไทยโตเพียง +4.4%y/y ในขณะที่ยอดการนำเข้ายังคงอยู่ในระดับสูงและขยายตัวกว่า +20%y/y ทำให้โดยรวมดุลการค้าในเดือนกันยายนจะยังคงขาดดุลราว -2.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากดุลการค้าขาดดุลกว่าคาดและยังมีทิศทางขาดดุลต่อเนื่องก็อาจกดดันการฟื้นตัวของดุลบัญชีเดินสะพัด แม้จะเริ่มมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นก็ตาม ทำให้เงินบาทอาจไม่สามารถแข็งค่าขึ้นไปได้มากในปีนี้

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าเร็วกว่าที่คาด หนุนโดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด ซึ่งหากตลาดยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อ ก็อาจเห็นการกลับเข้าซื้อหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติต่อเนื่อง หนุนการแข็งค่าของเงินบาทได้ อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า การแข็งค่าของเงินบาทอาจจำกัดอยู่ในโซน 37.80-37.90 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากบรรดาผู้นำเข้าต่างรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่อาจเริ่มกลับมาอยู่ในโหมด Wait and See เพื่อรอจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางหลักสำคัญ ทั้ง ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในช่วงปลายสัปดาห์ ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานะถือครองที่ชัดเจนอีกครั้ง

 

ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของหลายปัจจัย เราคงแนะนำให้ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 37.90-38.15 บาท/ดอลลาร์


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 ต.ค. 2565 เวลา : 09:55:34

23-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 23, 2024, 8:34 pm