ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.65) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 31,839.11 จุด เพิ่มขึ้น 2.37 จุด หรือ +0.01%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,830.60 จุด ลดลง 28.51 จุด หรือ -0.74% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,970.99 จุด ร่วงลง 228.12 จุด หรือ -2.04% เนื่องจากผิดหวังผลประกอบการบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างไมโครซอฟท์และอัลฟาเบทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
โดยอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลเปิดเผย กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ปีงบการเงิน 2565 อยู่ที่ 1.06 ดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.25 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 6.909 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 7.058 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นายซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของอัลฟาเบทแถลงข่าวหลังการรายงานผลประกอบการว่า ในไตรมาส 4 ปีนี้ อัลฟาเบทจะปรับลดจำนวนพนักงานลงมากกว่าในไตรมาส 3 และจะปรับลดต้นทุนทั่วทุกแผนก เนื่องจากบริษัทต้องปรับตัวเลขการใช้จ่ายด้านการดำเนินงานให้อยู่ระดับที่เหมาะสม
ด้านบริษัทไมโครซอฟท์แม้มีการเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2566 แต่รายได้จากธุรกิจคลาวด์อยู่ที่ระดับ 2.033 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.036 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์คาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2566 จะอยู่ที่ 5.235 – 5.335 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 5.605 หมื่นล้านดอลลาร์
ผลประกอบการที่น่าผิดหวังได้ฉุดราคาหุ้นของไมโครซอฟท์และอัลฟาเบทร่วงลง และส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ดิ่งลงด้วย โดยหุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 9.14% หุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 7.72% หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 4.1% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ดิ่งลง 5.59% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.96%
หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 8.78% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนต่อหุ้นในไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 6.18 ดอลลาร์ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะมีกำไรต่อหุ้น 0.07 ดอลลาร์ โดยโบอิ้งระบุถึงผลกระทบจากการขาดทุนจำนวนมากถึง 1 พันล้านดอลลาร์ในโครงการปรับปรุงเครื่องบินโบอิ้ง 747 จำนวน 2 ลำเพื่อใช้เป็นเครื่องบิน Air Force One ซึ่งเป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยสัญญาดังกล่าวทำขึ้นในสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางแคนาดาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะปรับขึ้น 0.75% และทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 1-2 พ.ย.นี้
คืนนี้นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐ
ข่าวเด่น