ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.65) ลดลงทุกตลาด โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 33,553.83 จุด ลดลง 39.09 จุด หรือ -0.12%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,958.79 จุด ลดลง 32.94 จุด หรือ -0.83% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,183.66 จุด ลดลง 174.75 จุด หรือ -1.54% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มบริษัทค้าปลีก หลัง บริษัทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยกำไรทรุดตัวลงในไตรมาส 3
โดย บริษัททาร์เก็ต เปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2565 ร่วงลงราว 50% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 1.54 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.13 ดอลลาร์ เนื่องจากบริษัทต้องปรับลดราคาสินค้าเพื่อระบายสต็อกจำนวนมากที่ยังคงอยู่ในคลังสินค้า นอกจากนี้ ทาร์เก็ตคาดการณ์ว่ายอดขายในไตรมาส 4 อาจชะลอตัวลง เมื่อพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจและผลกระทบของเงินเฟ้อ ซึ่งผลประกอบการที่ย่ำแย่ของทาร์เก็ตได้ฉุดราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นทาร์เก็ต ทรุดลง 13.06% หุ้นโลว์ส ร่วงลง 3.01% หุ้นเมซีส์ อิงค์ ดิ่งลง 8.13% หุ้นนอร์ดสตรอม ร่วงลง 8.03% หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป ร่วงลง 7.11% หุ้นเบสท์ บาย ดิ่งลง 8.57%
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ผลิตชิปร่วงลง หลังจากบริษัทไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศแผนปรับลดการผลิตชิปหน่วยความจำและลดการใช้จ่ายด้านทุน โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 6.70% หุ้นอินวิเดีย ดิ่งลง 4.54% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ร่วงลง 4.81% หุ้นอินเทล ร่วงลง 3.84% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.83% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ดิ่งลง 3.3%
อย่างไรก็ดี นักลงทุนเข้าซื้อหุ้น Defensive ซึ่งเป็นหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี เช่น หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ตลาดลดช่วงลบในระหว่างวัน โดยหุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น พุ่งขึ้น 1.87% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ดีดขึ้น 1.77% หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล บวก 0.89% หุ้นคิมเบอร์ลีย์-คล้าค เพิ่มขึ้น 0.68%
ตลาดยังได้แรงหนุนในระหว่างวันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.3% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.0% โดยได้ปัจจัยหนุนจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การจัดโปรโมชั่นในวัน Prime Day ของบริษัทแอมะซอนได้ช่วยเพิ่มยอดค้าปลีกในเดือนต.ค.ด้วย
นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ หลังจากนายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ขีปนาวุธซึ่งถูกยิงตกในโปแลนด์นั้น จะเป็นขีปนาวุธของระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนที่ยิงสกัดขีปนาวุธของรัสเซีย และทำให้ขีปนาวุธพลาดตกในดินแดนของโปแลนด์
ข่าวเด่น