ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.65) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 33,852.53 จุด เพิ่มขึ้น 3.07 จุด หรือ + 0.01%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,957.63 จุด ลดลง 6.31 จุด หรือ -0.16% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,983.78 จุด ลดลง 65.72 จุด หรือ -0.59% โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน จากถูกกดดันการร่วงลงของหุ้นแอปเปิ้ลและหุ้นแอมะซอน ขณะที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
โดยหุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลง 2.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากโรงงานฟ็อกซ์คอนน์ในเมืองเจิ้งโจวของจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิต iPhone ให้กับบริษัทแอปเปิ้ลยังคงประสบปัญหาด้านการผลิต จากการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดโควิด-19 และการที่พนักงานก่อหวอดประท้วงเพื่อต่อต้านมาตรการกักตัวและสภาพความเป็นอยู่ในโรงงาน
บริษัทเคาเตอร์พอยต์ รีเสิร์ช (Counterpoint Research) ระบุว่า ลูกค้าที่ซื้อ iPhone 14 Pro ในสหรัฐในปีนี้อาจต้องรอคอยนานถึง 37 วันจึงจะได้รับสินค้าที่สั่งจองเอาไว้ ซึ่งยาวนานกว่าตระกูล iPhone 13 Pro อย่างมาก ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เหตุการณ์ประท้วงที่โรงงานฟ็อกซ์คอนน์อาจจะส่งผลให้ยอดการผลิต iPhone Pro ลดลงถึง 6 ล้านเครื่องในปีนี้
หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 1.63% ขณะที่หุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นอินวิเดีย ดิ่งลง 1.19% หุ้นอัลฟาเบท ปรับตัวลง 0.9% หุ้นเทสลา ร่วงลง 1.14%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน WTI โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลจีนอาจจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดขึ้น 0.66% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.53% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 3.50%
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น ขานรับรายงานที่ว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีนประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามบริษัทอสังหาริมทรัพย์เสนอขายหุ้นเพื่อระดมเงินทุน โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนสภาพคล่องในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ หุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, หุ้นพินตัวตัว (Pinduoduo) และหุ้น JD.com ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 5%
ข่าวเด่น