ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.65) ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิด ที่ 34,108.64 จุด เพิ่มขึ้น 103.60 จุด หรือ +0.30%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,019.65 จุด เพิ่มขึ้น 29.09 จุด หรือ +0.73% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,256.81 จุด เพิ่มขึ้น 113.08 จุด หรือ +1.01% โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าคาด เป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 7.1% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.3% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.0% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.1%
การที่ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์นั้นบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในเดือนก.พ. 2566
ทั้งนี้ การคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ฉุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงหลุดจากระดับ 3.5% เมื่อคืนนี้ และเป็นปัจจัยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth Stock) ซึ่งเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยเช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้น 1.18%โดย หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 1.75% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 4.74% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.49% หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2.14%
อย่างไรก็ดี ตลาดลดช่วงบวก เนื่องจากนักลงทุนมองว่าแม้เงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดอาจเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมเดือนก.พ.ปีหน้า แต่นักลงทุนยังคงคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันนี้ (14 ธ.ค.)
ตลาดจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดหลังการประชุมในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566 รวมทั้งการเปิดเผยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟดในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะส่งสัญญาณแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟดจนถึงปี 2568
ข่าวเด่น