ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.65) กลับมายืนได้ในแดนบวก หลังร่วงติดต่อกัน 4 วัน โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 32,849.74 จุด เพิ่มขึ้น 92.20 จุด หรือ +0.28%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,821.62 จุด เพิ่มขึ้น 3.96 จุด หรือ +0.10% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,547.11 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด หรือ +0.01%
แม้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก แต่บรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และล่าสุด BOJ ได้สร้างความประหลาดใจด้วยการประกาศขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีให้เคลื่อนไหวในช่วง -0.5% ถึง +0.5% จากเดิมที่อยู่ในกรอบ -0.25% ถึง +0.25% ซึ่งนักลงทุนมองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่า BOJ จะหันมาใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินตามรอยธนาคารกลางทั่วโลก
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลวันหยุด โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทบีเอ็มโอกล่าวว่า พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในปีนี้จะเน้นไปยังสินค้าและการบริการที่มีข้อเสนอลดแลกแจกแถม ขณะที่นักลงทุนในตลาดหุ้นก็อยู่ในท่าทีของการระมัดระวังซื้อขายหลังจากตลาดผันผวนอย่างหนักในปีนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 0.5% ในเดือนพ.ย. สู่ระดับ 1.427 ล้านยูนิต แต่การอนุญาตก่อสร้างบ้านดิ่งลง 11.2% สู่ระดับ 1.342 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย.
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2565, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ข่าวเด่น