ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.65) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 33,027.49 จุด ร่วงลง 348.99 จุด หรือ -1.05%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,822.39 จุด ลดลง 56.05 จุด หรือ -1.45% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,476.12 จุด ดิ่งลง 233.25 จุด หรือ -2.18%
เนื่องจากนักลงทุนกังวลเฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2565 ขยายตัว 3.2% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.6% และ 2.9% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการลดลงของตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐ
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 222,000 ราย ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 1.672 ล้านราย
ลิซ แอนน์ ซันเดอร์ส นักวิเคราะห์จากบริษัทชาร์ลส์ ชวาบ (Charles Schwab) กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลแรงงาน จะยิ่งทำให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ แต่ความเสี่ยงที่จะตามมาคือเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยมากเกินไปและเป็นเวลานานเกินไป ทั้งนี้ ซันเดอร์สคาดว่า การจะหยุดวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้นั้น เฟดจะต้องเห็นว่าตลาดแรงงานและเศรษฐกิจอ่อนแรงลงมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงอย่างยั่งยืน
ข่าวเด่น